วันศุกร์, พฤศจิกายน 21, 2025
หน้าแรกอาชญากรรม“ผัวเมียไทยจอร์แดน“ร้องกองปราบฯ ช่วย ถูกหนุ่มอิรัก ใช้เอกสารปลอม หลอกเช่าบ้าน-ลงทุนกิจการที่พัทยา เสียหายกว่า 1.8 ล้านบาท

Related Posts

“ผัวเมียไทยจอร์แดน“ร้องกองปราบฯ ช่วย ถูกหนุ่มอิรัก ใช้เอกสารปลอม หลอกเช่าบ้าน-ลงทุนกิจการที่พัทยา เสียหายกว่า 1.8 ล้านบาท

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 21 พ.ย. 68 ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ อดีต สห.ทอ. พา “น.ส.บี” อายุ 39 ปี สาวไทยผู้เสียหายพร้อมสามีชาวจอร์แดน ได้เดินทางเข้าร้องขอให้ช่วยเป็นสื่อกลางและให้คำปรึกษาทางกฎหมาย หลังถูกชาวต่างชาติสัญชาติอิรัก ถือพาสปอร์ตออสเตรเลีย ซึ่งมีแฟนเป็นผู้หญิงชาวไทย ปลอมแปลงเอกสารและลายเซ็น หลอกให้เช่าบ้านพักทำออฟฟิศ และร่วมลงทุนทำกิจการในพื้นที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี จนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก

น.ส.บี เปิดเผยว่า ตนเองได้เปิดร้านกาแฟอยู่ที่พัทยา และถูกชาวต่างชาติรายนี้ซึ่งมีแฟนเป็นคนไทย หลอกลวงให้ร่วมลงทุนและเช่ากิจการ โดยมีการปลอมแปลงเอกสารและลายเซ็นในการดำเนินการต่างๆ จนทำให้ตนเองได้รับความเสียหายรวมมูลค่ากว่า 1,800,000 บาท (หนึ่งล้านแปดแสนบาทถ้วน) นอกจากนี้ ผู้เสียหายยังระบุว่า บางครั้งยังถูกข่มขู่ ทำให้รู้สึกหวาดระแวงและไม่ปลอดภัยในชีวิตประจำวัน

เริ่มต้นจากตนได้ไปติดต่อขอเช่าพื้นที่เล็กๆ ทำร้านกาแฟในบ้านไม้สองชั้น กลางซอยเคพีเอ็น ก่อนเมื่อ ปี 2565 จากสองสามีชาวอิรัก ภรรยาคนไทย ที่พักอาศัยอยู่บ้านหลังนี้ เขาบอกว่าเช่าเจ้าของคนไทยมาตั้งแต่ปี 2563 ตนทำร้านกาแฟเรื่อยมามีลูกค้ามาอุดหนุนจนกิจการดี สองผัวเมียอิรัก เห็นว่าตนค้าขายดีกิจการรุ่งเรือง เสนอให้เช่าทั้งหลัง จึงตัดสินใจตกแต่งปรับปรุงหมดค่าใช้จ่ายไป 3 ล้านบาท มีการขายช่วงเช่าต่อ และเรียกเก็บค่าเช่าเดือนละ 5 หมื่นกว่า ไม่รวมค่าน้ำค่าไฟที่ต้องจ่ายเพิ่มอีกต่างหาก

ต่อมาสองผัวเมียอิรัก มาแจ้งว่าเจ้าของบ้านต้องการขายบ้านราคา 10 ล้าน ก่อนจะมีนำเอกสารปลอมลายเซ็นเจ้าของบ้านตัวจริงมาหลอกตน เจ้าของบ้านตัวจริงมารู้เรื่องภายหลัง บอกให้เช่าเดือนละ 2.5 หมื่นบาท ไม่คิดจะขายบ้านเลย

“หนูโดนปลอมแปลงเอกสารและลายเซ็นมาหลอกให้เช่าและลงทุนทำกิจการ นอกจากนี้บางครั้งก็โดนข่มขู่จนหนูรู้สึกหวาดระแวงและไม่ปลอดภัย” น.ส.บี กล่าวด้วยความทุกข์ใจ

เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นที่บ้านเลขที่ 31 ม.10 เมืองพัทยา หนองปรือ บางละมุง ชลบุรี โดยหลังจากทราบเรื่องและพบความผิดปกติ น.ส.บีได้เดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนที่ สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา (สภ.เมืองพัทยา) แล้ว เมื่อ 5 พ.ย. ก่อนพนักงานสอบสวนเรียกตนและคู่กรณีไปพบเพื่อเจรจาเมื่อวานนี้(20 พ.ย.) ตนต้องการค่าเสียหายทั้งหมดที่โอนผ่านบัญชีของสามีชาวอิรัก จำนวนรวม 1.8 ล้านบาท ก่อนเจรจาลดลงมาที่ 6.6 แสนบาท กับทรัพย์สินอุปกรณ์ต่างๆ ในบ้าน แต่สองสามีชาวอิรักยอมจ่ายแค่ 1 แสนบาท เท่านั้น ถ้าต้องการมากกว่านี้ให้ไปฟ้องร้องเอาเอง

ตนได้รับความเดือดร้อนเพราะไม่สามารถประกอบธุรกิจร้านกาแฟได้ เพราะคู่กรณีเปิดร้านอยู่ติดกันพยายามมาก่อกวน ทั้งข่มขู่คุกคาม อ้างรู้จักหลักผู้ใหญ่เยอะ

เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนและมีปัญหาหลายอย่างที่ต้องการความช่วยเหลือในการติดตามคดีและปรึกษาแนวทางกฎหมายเพิ่มเติม น.ส.บี จึงได้มาร้องทุกข์ต่อจ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ พาเข้าปรึกษาข้อกฎหมายกับกองบังคับการปราบปราม (กองปราบปราม) เพื่อให้ความเป็นธรรม

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts