สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ผนึกกำลังสำนักงาน ปปง. เปิดยุทธการครั้งใหญ่ “ถอนรากสแกมเมอร์ข้ามชาติ” กวาดล้างเครือข่ายฟอกเงินจากแก๊งสแกมเมอร์กัมพูชา เชื่อมโยงนักธุรกิจต่างชาติระดับโลก ยึดทรัพย์มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท พร้อมออกหมายจับ 42 ราย จับได้แล้ว 29 ราย — สะเทือนทั้งวงการอาชญากรรมเทคโนโลยี!
เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) ร่วมกับ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เปิดยุทธการระดับชาติ “ถอนรากสแกมเมอร์ข้ามชาติ สะเทือนทั้งวงการ” ภายใต้การอำนวยการของ
- นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการ
- พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม
- นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศปอส.ตร. และ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นรอง ผอ. รับผิดชอบยุทธการครั้งนี้
“ขบวนการสแกมเมอร์กัมพูชา” จุดเริ่มต้นอาชญากรรมข้ามชาติ
ปฏิบัติการครั้งนี้มีต้นเหตุมาจากข้อมูลที่ถูกเปิดเผยระหว่างการอภิปรายในสภาฯ เกี่ยวกับขบวนการสแกมเมอร์ในประเทศกัมพูชา ซึ่งมีฐานปฏิบัติการใกล้ชายแดนไทย และถูกตั้งข้อสงสัยว่ามีการเชื่อมโยงกับบุคคลสำคัญในไทย
โดยเฉพาะกรณี นายยิม เลียก (Yim Leak) หรือ ยิม ประธานกลุ่ม BIC Group หนึ่งในนักธุรกิจรายใหญ่ของกัมพูชา ซึ่งถูกสงสัยว่ามีพฤติการณ์ฟอกเงินผ่านธุรกิจในประเทศไทย และเชื่อมโยงกับ “เบน สมิธ” (Ben Smith) นักธุรกิจต่างชาติที่อยู่ในรายชื่อกลุ่มบุคคลเสี่ยงของรัฐบาลสหรัฐฯ
ผลการสืบสวนพบว่า ขบวนการนี้มีโครงสร้างซับซ้อนระดับ “องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ” โดยมีการหลอกลวงประชาชนทั่วโลกผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ก่อนโอนเงินเข้าสู่บัญชีในไทยเพื่อฟอกเงิน ผ่านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ การบินส่วนตัว และการลงทุนเทียม
ตรวจเส้นทางการเงินกว่า 700 ราย เชื่อมโยงบัญชี “ยิม เลียก”
จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้เสียหายกว่า 700 ราย พบการโอนเงินเข้าสู่บัญชีต้องสงสัยกว่า 40 บัญชี ก่อนถูกส่งต่อมายังบัญชีของ “ยิม เลียก” ในประเทศไทย ซึ่งยอดเงินบางช่วงเพิ่มจาก 1.2 ล้านบาท เป็น 21.5 ล้านบาทภายในวันเดียว — สะท้อนการหมุนเวียนเงินจากขบวนการฟอกเงินอย่างเป็นระบบ
นอกจากนี้ ยังพบความเชื่อมโยงทางธุรกิจระหว่าง “ยิม เลียก” และ “เบน สมิธ” โดยมีการถือหุ้นไขว้ผ่านภรรยาทั้งสองฝ่าย และใช้บริษัทในไทยเป็นช่องทางฟอกเงินจากอาชญากรรมออนไลน์
เปิดยุทธการ! ลุยค้น 50 จุด 22 จังหวัด ยึดทรัพย์ทะลุหมื่นล้าน
เจ้าหน้าที่เปิดยุทธการเข้าตรวจค้น 50 จุดทั่วประเทศ ใน 22 จังหวัด พร้อมออกหมายจับ 42 ราย จับกุมได้แล้ว 29 ราย เหลือผู้ต้องหาหลบหนี 13 ราย (ต่างประเทศ 3 ราย)
พบของกลางและทรัพย์สินต้องสงสัยกว่า 75 รายการ รวมมูลค่ากว่า 10,157 ล้านบาท
รายการทรัพย์สินสำคัญที่ตรวจยึด ได้แก่:
- รถยนต์หรู Ferrari 488 GTB, Ferrari 296 GTS, Porsche Cayenne, Toyota Alphard, Zeeker รวมมูลค่า 78 ล้านบาท
- เรือยอชต์หรู “ATLAS” มูลค่ากว่า 800 ล้านบาท
- เงินสดในบัญชี 37 บัญชี รวมกว่า 1.1 พันล้านบาท
- ที่ดิน 23 แปลง และบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ 6 บัญชี รวมมูลค่ากว่า 8.1 พันล้านบาท
รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดและอายัดทั้งหมดกว่า 9,279,322,501 บาท
ฟันข้อหา “อั้งยี่–ซ่องโจร–ฟอกเงินข้ามชาติ”
ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกดำเนินคดีในข้อหา
“เป็นหัวหน้าอั้งยี่, ซ่องโจร, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, สมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน”
ถือเป็นยุทธการใหญ่ที่สุดในรอบปีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับ ปปง. สามารถ “ตัดเส้นเลือดการเงิน” ของแก๊งสแกมเมอร์ข้ามชาติได้อย่างเป็นรูปธรรม
“สแกมลด–ความเสียหายหด” หลังตั้ง Anti Cyber Scam Center
ตั้งแต่จัดตั้ง “ศูนย์ต่อต้านอาชญากรรมออนไลน์ (Anti Cyber Scam Center)” เมื่อ 1 ตุลาคม 2568 พบว่าสถิติอาชญากรรมออนไลน์ลดลงอย่างเห็นได้ชัด
- เดือนตุลาคม 2568 มีคดีแจ้งความ 35,050 คดี มูลค่าความเสียหาย 2,379 ล้านบาท
- เดือนพฤศจิกายน 2568 ลดเหลือ 31,019 คดี มูลค่าความเสียหาย 2,183 ล้านบาท
สรุป:
ยุทธการ “ถอนรากสแกมเมอร์ข้ามชาติ” ครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นการยึดทรัพย์มูลค่ามหาศาลกว่า 1 หมื่นล้านบาท แต่ยังเป็น “หมุดหมายสำคัญ” ของการกวาดล้างเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ที่แฝงตัวในระบบเศรษฐกิจไทย และสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนว่า — “สแกมเมอร์จะไม่มีที่ยืนบนผืนแผ่นดินไทยอีกต่อไป”



















