(10 ธ.ค. 68) ตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้วสนองข้อสั่งการด่วน ผบ.ตร. จัดกำลังพลกว่า 200 นาย ทั้งชุดควบคุมฝูงชน (คฝ.) และชุดสืบสวน ลงพื้นที่อำเภออรัญประเทศอย่างเร่งด่วน ภายใต้ “แผนพิทักษ์ส่วนหลัง” ตรวจความพร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์เต็มอัตรา เพื่อเตรียมพร้อมสนับสนุนการอพยพประชาชน เฝ้าระวังพื้นที่ส่วนหลัง และเข้าปฏิบัติการทันทีตามคำสั่งในสถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยันความมุ่งมั่นปกป้องประชาชนและความมั่นคงของชาติในภาวะวิกฤต
เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2568 เวลา 08.00 น. ตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว (ภ.จว.สระแก้ว) ได้ขานรับและขับเคลื่อนตามข้อสั่งการเร่งด่วนของ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) อย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการจัดกำลังพลลงพื้นที่ปฏิบัติการเชิงรุกเพื่อยกระดับความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่อำเภออรัญประเทศที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์ตึงเครียด
การปฏิบัติการครั้งนี้อยู่ภายใต้รหัส “แผนพิทักษ์ส่วนหลัง” ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่อาจจะขยายวงกว้างถึงพื้นที่ในประเทศ
ประชุมสั่งการและตรวจความพร้อมกำลังพล
นำโดยคณะนายตำรวจระดับสูงของ ภ.จว.สระแก้ว ประกอบด้วย:
– พ.ต.อ.จตุรภัทร สิงหัษฐิต รอง ผบก.ภ.จว.สระแก้ว
– พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ ศรีเสริม รอง ผบก.ภ.จว.สระแก้ว
– พ.ต.อ.ดำรง เอี่ยมไพโรจน์ ผกก.สืบสวน ภ.จว.สระแก้ว
– พ.ต.อ.ชูชาติ คงเมือง ผกก.สภ.คลองลึก
– พ.ต.อ.วีพงษ์ กงแก้ว ผกก.สภ.อรัญประเทศ
คณะนายตำรวจได้ร่วมกันประชุมสั่งการและดำเนินการตรวจความพร้อมของกำลังพลชุดควบคุมฝูงชน (คฝ.) ภ.จว.สระแก้ว กองร้อยที่ 1 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.สระแก้ว รวมกว่า 200 นาย ณ พื้นที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยมีการตรวจสอบความพร้อมอย่างละเอียดทั้งด้านอาวุธ ยุทโธปกรณ์ และยานพาหนะ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกหน่วยสามารถปฏิบัติการได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ภารกิจสำคัญที่ได้รับมอบหมายและถูกเน้นย้ำในการเตรียมพร้อมครั้งนี้ประกอบด้วย:
– การสนับสนุนและอำนวยความสะดวกประชาชน ในการอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยงได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย
– การเฝ้าระวังและคุ้มครองพื้นที่ส่วนหลัง (Rear Area Security) เพื่อป้องกันการแทรกซึมหรือการก่อความไม่สงบที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงภายใน
– การเตรียมกำลังพร้อมเข้าปฏิบัติการทันที ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา เพื่อตอบสนองต่อทุกสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างเฉียบขาด
ตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้วได้ยืนยันความพร้อมและศักยภาพ “เต็มร้อย” ในการเดินหน้าปฏิบัติภารกิจด้วยความมุ่งมั่นและเสียสละ เพื่อธำรงไว้ซึ่งความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนและความมั่นคงของประเทศในช่วงเวลาที่สำคัญและวิกฤตเช่นนี้












