เวลา 11.00 น. วันที่ 12 ธ.ค.68 ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ อดีต สห.ทอ. พา นายล้วน (สงวนนามสกุล) อาศัยอยู่ย่านรามคำแหง ผู้เป็นลูกหนี้เงินกู้นอกระบบ ร้องขอความเป็นธรรมกับกองปราบฯ เนื่องจากถูกกลุ่มเจ้าหนี้บุกเข้าคุกคาม ข่มขู่ถึงภายในบ้านพัก โดยมีการบุกรุกเข้าไปถึงใน ห้องครัว สร้างความหวาดกลัวอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยของคนในครอบครัว ซึ่งมีทั้ง เด็กเล็กและผู้สูงอายุ อาศัยอยู่
นายล้วน เปิดเผยว่า ตนเองเปิดบริษัทรับจ้างรักษาความปลอดภัย ได้ปีกว่าๆ มีปีญหาการเงินขาดสภาพคล่อง ก่อนจะมีคนรู้จักแนะนำให้กู้เงินนอกระบบ จึงตัดสินใจกู้มาใช้หมุนเวียนในบริษัท เรื่อยมาจนมีเจ้าหนี้รวม 13 ราย
ต่อมาถูกกลุ่มเจ้าหนี้ซึ่งมากันประมาณ 2-3 คน มาทวงหนี้ถึงที่บ้านเกือบทุกวัน บางวันมาถึง 4-5 ครั้ง ทำให้ตนและคนในบ้านรู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างมาก การบุกรุกเข้าถึงในบ้านถือเป็นการคุกคามอย่างชัดเจน
เจ้าหนี้มีการปล่อยกู้ในลักษณะที่เรียกว่า “หักล่วงหน้า” และคิดดอกเบี้ยในอัตราที่สูงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด อัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายรวมๆ แล้วคิดเป็น ร้อยละ 30 ซึ่งเมื่อมีการกู้ยืมแต่ละครั้ง จะถูกหักเงินต้นไว้ล่วงหน้าเพื่อเป็นค่าตัด 6 วัน และค่าเอกสารอีก 1 วัน รวมเป็น 7 วันต่อการตัดหนี้หนึ่งครั้ง
นายล้วน ยกตัวอย่างว่า หากต้องส่งเงินกู้เป็นรายวัน วันละ 10,000 บาท เมื่อมีการหักล่วงหน้า 7 วัน ก็จะถูกหักเงินไปเปล่าๆ ถึง 70,000 บาท ในแต่ละครั้ง แม้จะมีการจ่ายคืนหนี้อยู่ตลอด แต่ยอดเงินที่ต้องจ่ายไปรวมๆ กันก็เป็นหลักแสนบาท ซึ่งหากคำนวณตามอัตราที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ถือว่าได้จ่ายเงินเกินกว่าจำนวนเงินต้นที่กู้มามากแล้ว และปัจจุบันก็ยังต้องจ่ายหนี้รายวันถึง 10,000 บาทต่อวัน โดยรู้สึกว่าได้จ่ายจนเกินจำนวนที่ควรจะเป็นแล้ว
เนื่องจากมีความหวาดกลัวต่อความไม่ปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สินของคนในบ้าน นายล้วนจึงได้ติดต่อขอให้ จ่าคิงส์ แตงทิม ช่วยพาเข้าปรึกษาและดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายกับ กองปราบปราม เพื่อหาทางออกและคุ้มครองความปลอดภัยของตนเองและครอบครัวในครั้งนี้
จ่าคิงส์ เปิดเผยว่าหลังจากนี้จะพาผู้เสียหายเข้าร้องขอความช่วยเหลือจากศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หาทางช่วยเหลือผู้เสียหายรายนี้ต่อไป














