วันเสาร์, ธันวาคม 27, 2025
หน้าแรกคอลัมนิสต์สืบจากข่าวสะเทือนตาชั่ง! แฉ "อัยการ" บิดเบือนข้อเท็จจริง คดีฟ้องการท่าเรือฯ ทำ 46 โจทก์ส่อสิ้นหวัง ถูกตัดตอนความยุติธรรมส่งท้ายปี

Related Posts

สะเทือนตาชั่ง! แฉ “อัยการ” บิดเบือนข้อเท็จจริง คดีฟ้องการท่าเรือฯ ทำ 46 โจทก์ส่อสิ้นหวัง ถูกตัดตอนความยุติธรรมส่งท้ายปี

ทนายปราบโกงเดือดส่งท้ายปี แฉคดีละเมิดโจทก์ 46 คน ฟ้องการท่าเรือที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ถูกหยุดการพิจารณาไว้ทั้งหมดจากเหตุปัญหาเขตอำนาจศาล ทั้งที่ข้อเท็จจริงสำคัญยังไม่ได้ถูกไต่สวนหาความจริงโดยมีต้นเหตุจากคำให้การและคำร้องของอัยการและผู้รับมอบอำนาจจำเลยที่บิดเบือนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการแจ้งความดำเนินคดีและรายชื่อผู้ต้องหา

กล่าวคือ เมื่อวันที่ 28 พ.ย.68 อัยการ 9 รายได้ยื่นคำให้การต่อศาลระบุโจทก์ 9 ราย มิได้ถูกการท่าเรือแจ้งความดำเนินคดี และศาลได้รับรายชื่อผู้ถูกแจ้งความเพียง 32 รายเท่านั้น ส่งผลให้ศาลหลงเชื่อว่าโจทก์ทั้ง 9 รายอาจสร้างเรื่องขึ้นมาเอง และเข้าลักษณะฟ้องคดีโดยไม่สุจริต ต่อมาในกลุ่มโจทก์กว่า 30 ราย ซึ่งอยู่ระหว่างขอไต่สวนยกเว้นค่าขึ้นศาลเพราะยากจน การท่าเรือโดยคำแนะนำของอัยการ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลในทำนองเดียวกันว่าโจทก์ไม่ได้ถูกแจ้งความดำเนินคดี ศาลจึงมีคำสั่งเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2568 ให้ยกเว้นค่าขึ้นศาลเพียงบางส่วนและยกคำร้องให้วางเงินเต็ม โดยให้เหตุผลว่าคดีไม่มีมูลเพียงพอ

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.68 ตนได้ยื่นอุทธรณ์ พร้อมเปิดเผยพยานหลักฐานจากคดีแรงงานซึ่งมีโจทก์ถึง 384 คน โดยในคดีแรงงานดังกล่าว อัยการซึ่งเป็นผู้แทนการท่าเรือจำเลยได้ยื่นคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรต่อศาลแรงงานว่า โจทก์ทั้ง 384 คน ถูกการท่าเรือร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ DSI และตกเป็นผู้ต้องหาทั้ง 384 คน พร้อมแนบรายชื่อครบถ้วนโดยมีชื่อโจทก์คดีละเมิดของศาลแพ่งกรุงเทพใต้รวมอยู่ด้วย ข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงย้อนแย้งกับคำให้การอัยการในคดีละเมิดอย่างสิ้นเชิง

ต่อมาในวันที่ 15 ธ.ค.68 ซึ่งเป็นวันนัดไต่สวนคำร้องยากจนของโจทก์ ปราะมาณ 18 ราย ตนจึงเตรียมนำเอกสารจากคดีแรงงานมาแสดงต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้เพื่อเปิดเผยความจริง แต่ศาลกลับไม่เปิดโอกาสให้ไต่สวนหรือรับพยานหลักฐานดังกล่าวไว้เข้าสำนวนและมีคำสั่งให้ส่งสำนวนทั้งหมดไปให้ประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษวินิจฉัยปัญหาเขตอำนาจศาลแทน
โดยให้นัดฟังคำสั่งในวันที่ 23 ก.พ.69 เวลา 09.00 น. ซึ่งมีแนวโน้มจะโอนคดีไปยังศาลแรงงาน หากเกิดขึ้นย่อมทำให้โจทก์ทั้งหมดได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง เนื่องจากคดีแรงงานซึ่งมีคู่ความและข้อเท็จจริงเดียวกันได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว และคดีละเมิดอาจถูกยกฟ้องในฐานะเป็นคดีฟ้องซ้ำ

ด้วยเหตุนี้ โจทก์ 46 คน จึงจำเป็นต้องร้องขอความเป็นธรรมต่อประธานศาลฎีกา เพื่อให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการ

ยื่นคำให้การและคำร้องที่บิดเบือน และเพื่อแก้ไขความคลาดเคลื่อนในกระบวนการพิจารณาคดี ก่อนที่สิทธิของประชาชนจะถูกตัดขาดโดยไม่อาจเยียวยาได้

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts