วันอาทิตย์, ธันวาคม 28, 2025
หน้าแรกอาชญากรรมคุก 10 ปี! ปิดบัญชี "จ่าทรยศ" ลักลอบขนกระสุนคลังนาวิกฯ ขายตลาดมืด ดับอนาคตแก๊งค้าอาวุธข้ามชาติ

Related Posts

คุก 10 ปี! ปิดบัญชี “จ่าทรยศ” ลักลอบขนกระสุนคลังนาวิกฯ ขายตลาดมืด ดับอนาคตแก๊งค้าอาวุธข้ามชาติ

ปิดฉากคดีอื้อฉาวสะเทือนกองทัพ! ศาลสั่งจำคุกยกก๊วน 10 ปี “จ่าทหาร” สมคบคิดเครือข่ายนอกเครื่องแบบ ลอบปั๊มกุญแจผีขนกระสุนและระเบิดนับหมื่นนัดจากคลังนาวิกโยธินสัตหีบส่งขายชายแดน สุดท้ายไม่รอด บารมีผู้บังคับบัญชาตงฉินประสานสืบภาค 2 ลากคอชดใช้กรรมพร้อมสั่งชดใช้เงินคืนหลวงกว่า 12.9 ล้านบาท

บทสรุปของคดีอาชญากรรมที่สั่นคลอนความมั่นคงของประเทศได้มาถึงจุดสิ้นสุด เมื่อศาลมีคำพิพากษาลงโทษเด็ดขาดกับขบวนการลักลอบขโมยอาวุธยุทธภัณฑ์จากคลังแสงของหลวง ซึ่งมีจุดเริ่มต้นจาก “เกลือเป็นหนอน” ผู้มีหน้าที่เฝ้าคลังกลับกลายเป็นพ่อค้าความตายเสียเอง

จุดเริ่มต้นกระชากหน้ากาก “หนอนบ่อนไส้”
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2566 ความจริงเริ่มปรากฏเมื่อมีการตรวจนับอาวุธตามวงรอบประจำปี ณ กรมทหารราบที่ 1 กองพลนาวิกโยธิน ค่ายพระมหาเจษฎาราชเจ้า พบความผิดปกติที่น่าตกใจ เมื่อกระสุนปืนเล็กยาวขนาด 5.56 มม. (M855 และ M856) หายไปนับหมื่นนัด พร้อมด้วยกระสุนหัวระเบิดขนาด 40 มม. อีกนับพันนัดที่อันตรธานหายไปจากคลัง

สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นเมื่อ นาวาเอกนฤมิต ศุขสมิติ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 1 (ในขณะนั้น) สั่งตรวจสอบซ้ำอย่างละเอียดและไม่เพิกเฉยต่อความผิดที่เกิดขึ้น แทนที่จะปกปิดเพื่อรักษาภาพลักษณ์หน่วย ท่านกลับเลือกความถูกต้องโดยการเข้าแจ้งความและประสานชุดสืบสวนภาค 2 เข้าคลี่คลายคดีทันที

จากการสืบสวนพบพฤติกรรมสุดแสบของ พ.จ.ท.ไฉน เจ้าหน้าที่ดูแลคลังฯ ที่แอบปั๊มกุญแจสำรองลอบเข้าคลังหลายครั้ง ก่อนจะชิงขาดราชการหลบหนีไปเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2566 แต่สุดท้ายก็ไม่พ้นเงื้อมมือกฎหมาย ถูกรวบตัวพร้อมขยายผลพบว่ามีการทำเป็นขบวนการ “รับของโจร” เพื่อค้ากำไร โดยส่งต่ออาวุธสงครามไปยังพื้นที่ชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นจุดเปราะบางอย่างยิ่งต่อความมั่นคง

ศาลพิพากษาชดใช้กรรม
ล่าสุด ศาลมีคำพิพากษาอย่างเด็ดขาดว่าจำเลยทั้งหมดมีความผิดฐาน “ร่วมกันรับของโจรเพื่อค้ากำไร” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วรรคสอง:
– สั่งจำคุกจำเลยทุกคน คนละ 10 ปี โดยไม่รอลงอาญา
– สั่งร่วมกันคืนกระสุนและวัตถุระเบิด หากคืนไม่ได้ต้องชดใช้เงินคืนหลวงเป็นจำนวนกว่า 12.9 ล้านบาท
– รับผิดค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนแพ่ง เป็นพับ (สองเท่า)

คดีนี้ถือเป็นบทเรียนราคาแพงที่ตอกย้ำว่า “เครื่องแบบและตำแหน่งหน้าที่ ไม่ใช่เกราะกำบังอาชญากรรม” เมื่อกระบวนการยุติธรรมและผู้บังคับบัญชาทำงานอย่างตรงไปตรงมา ไม่ว่าขบวนการจะซับซ้อนเพียงใดก็ไม่อาจหลีกหนีอาญาแผ่นดินไปได้

ขอบคุณภาพข่าวจากเพจช่อง 7 ออนไลน์

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts