“…เมื่อเวลา 09.00 น. 23 มิ.ย. ที่ห้องควบคุมผู้ต้องหา ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทมพงส.กก.1 บก.ปคบ.เดินทางมาเบิกนาย เมธา ชลิงสุข หรือ บอนนี่ อายุ 42 ปี เจ้าของแฟรนไชส์ “ดารุมะ ซูชิ” …”
[inline_related_posts title=”คุณอาจสนใจเรื่องเหล่านี้” title_align=”left” style=”list” number=”4″ align=”none” ids=”” by=”categories” orderby=”rand” order=”DESC” hide_thumb=”no” thumb_right=”no” views=”no” date=”yes” grid_columns=”2″ post_type=”” tax=””]
ผู้ต้องหาตามหมายจับ จากการฉ้อโกงประชาชน จากการเปิดขายวอเชอร์อาหารญี่ปุ่นราคาถูก เเละ ปิดร้านสาขาหนี มูลค่าความเสียหาย กว่า 100 ล้านบาท จากห้องขัง ไปยัง กก.1 ชั้น 13 อาคาร บช.ก.เพื่อทำการฝากขังต่อศาลอาญาข้อหาฉ้อโกงประชาชนและ พ.ร.บ.คอมพ์ฯ โดยจะคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากสถานการณ์โควิด 19 และเกรงว่านายเมธาจะหลบหนีอีก
ระหว่างที่พนักงานสอบสวนคุมตัวนายเมธา เพื่อไปขึ้นรถ นักข่าวพยายามที่จะสอบถามนายเมธาว่า จะชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นหรือไม่อย่างไร ยังมีทรัพย์สินเหลือพอที่จะชดใข้ผู้เสียหายหรือไม่ หรือ อยากจะสื่อสารกับผู้ที่เสียหายให้สบายใจอย่างไร เเต่นายเมธา มีสีหน้าเรียบเฉย ไม่ตอบคำถามใดๆ
พนักงานสอบสวนนำตัว นายเมธา มาที่ห้องคอนเฟอร์เรนซ์ กองบังคับการปราบแรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อยื่นฝากขังต่อศาลในช่วงเวลา 10.00 น. ขั้นตอนหลังจากฝากขังต่อศาลเเล้ว ทางทนายความจะไปยื่นขอประกันตัวตามสิทธิ์ของผู้ต้องหา หากศาลพิจารณาให้ประกันตัว ทนายก็จะนำใบคำร้องมายื่นที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อให้ปล่อยตัวชั่วคราว เเต่หากศาลไม่ให้ประกันตัวก็จะควบคุมตัวส่งเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
สำหรับนายเมธา ให้การปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหา ซึ่งถูก หมายจับ 2 ข้อหา คือ “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 เเสนบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ และ ร่วมกันโดยทุจริต หรือ โดยหลอกลวง นำเข้าสู่ ระบบคอมพิวเตอร์ฯ ที่บิดเบือน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายกับประชาชน จําคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือ ทั้งจําทั้งปรับ