“…เมื่อเวลา 14.25 น. วันที่ 23 มิ.ย. ที่ กก.1 บก.ปคบ.ชั้น 12 อาคาร บช.ก. เจ้าหน้าที่ตำรวจพานายเมธา ชลิงสุข ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงประชาชนและ พ.ร.บ.คอมพ์ฯ ออกมาเข้าห้องน้ำ ผู้สื่อข่าวถามเรื่องการยื่นขอประกันตัวต่อศาลหรือไม่ นายเมธา สีหน้าเรียบเฉย
ปฏิเสธไม่ตอบใดๆ…”
[inline_related_posts title=”คุณอาจสนใจเรื่องเหล่านี้” title_align=”left” style=”list” number=”4″ align=”none” ids=”” by=”categories” orderby=”rand” order=”DESC” hide_thumb=”no” thumb_right=”no” views=”no” date=”yes” grid_columns=”2″ post_type=”” tax=””]
โดยตำรวจ ปคบ.ได้ฝากขังนายเมธาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เร้นซ์ โดยพนักงานสอบสวนคัดค้านประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าจะหลบหนีอีก
เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ บก.ปคบ. ได้ควบคุมตัว นายเมธา ชลิงสุข เจ้าของแฟรนไชส์ดารุมะซูชิ ไปขออำนาจศาลฝากขังผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เร้นซ์กับศาลอาญาถนนรัชดาภิเษก โดยนำตัวนายเมธาจากห้องควบคุม ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ไปยังห้องวิดีโอคอนเฟอร์เร้นซ์ บก.ปคบ.
พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค เปิดเผยว่า นายเมธาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากเห็นว่าคดีนี้มีผู้เสียหายจำนวนมาก และมีมูลค่าความเสียหายมากด้วยเช่นกัน เกรงว่าจะหลบหนี ซึ่งผู้ต้องหามีสิทธิ์ที่จะยื่นขอประกันตัวในชั้นศาลเพื่อพิจารณาให้ปล่อยตัวชั่วคราว ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลว่าจะอนุญาตหรือไม่ หากศาลอนุญาตทางทนายความก็จะนำหมายปล่อยตัวมาส่งให้กับพนักงานสอบสวน เพื่อปล่อยตัวนายเมธา ที่ บก.ปคบ. แต่หากศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว พนักงานสอบสวนจะนำตัวนายเมธาไปควบคุมที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครต่อไป
ส่วนการทำคดีตำรวจยังคงเดินหน้าตรวจสอบเส้นทางการเงินว่านายเมธาได้ยักย้ายถ่ายเทไปที่ใดหรือไม่ เพื่อหาเข้าสู่กระบวนการยึดทรัพย์ นำเงินมาคืนให้กับผู้เสียหายต่อไป
สำหรับนายเมธานั้น ถูกตำรวจสอบสวนกลางจับกุมเมื่อวาน ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หลังจากหลบหนีไปประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งตำรวจได้ออกหมายจับข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ นำข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ จากกรณีหลอกขายคูปองบุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น และไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงกับผู้ที่ซื้อเฟรนไชส์ไปเปิดสาขา สร้างความเสียหายนับร้อยล้านบาทด้วยกัน
ซึ่งการกลับมาของนายเมธาถือว่าเป็นเรื่องเซอร์ไพรซ์อยู่พอสมควร เพราะตอนแรกคาดการณ์กันว่า นายเมธาหนีคดีไปต่างประเทศ และไม่กลับมาอย่างแน่นอน
ซึ่งนายรัชพล ศิริสาคร ทนายความที่เคยพาผู้เสียหายไปเเจ้งความเอาผิดนายเมธา ให้ความเห็นคดีนี้ว่า มีผู้เสียหายบางราย รู้สึกเห็นใจ เเละต้องการเงินคืนเท่านั้น ไม่ได้ต้องการให้ดำเนินคดี เเต่ตวามผิดข้อหา ฉ้อโกงประชาชน เเละ ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ไม่สามารถยอมความได้
โดยเชื่อว่าการกลับมาของนายเมธาไม่ใช่เป็นการสำนึกผิด เพราะให้การปฏิเสธ เเต่ที่กลับมาก็เพื่อสู้คดี การหลบหนีไปประเทศสหรัฐอเมริกา ยังมีตำรวจสากลคอยติดตามตัว ไม่สามารถหางานทำได้ เงินที่มีก็จะค่อยๆ หมดไป หากจะหนีหนีก็ต้องหนีไปตลอดชีวิต
