รู้จักกับ “บิ๊กอ่วม” พล.ต.ท.สมชาย นิตยบวรกุล อดีต รอง ผบช.กมค. มือปราบพระกาฬ หลังถูก ป.ป.ช.ชี้มูลร่ำรวยผิดปกติ สมัยยังรับราชการเป็น “รอง ผบช.ภ.8” พื้นที่ภาคใต้ตอนบน จึงขอให้ศาลสั่งยึดทรัพย์สินกว่า 136 ล้านบาท ตกเป็นของแผ่นดิน
จากกรณี ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 8 มีคำพิพากษายึดทรัพย์สิน รวมมูลค่า 136,276,311 บาท ของ พล.ต.ท.สมชาย นิตยบวรกุล หรือ อ่วมถนอม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 8 มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ตามที่ ป.ป.ช.ร้องขอ ดังที่ปรากฏเหตุการณ์ไปแล้วนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 2565 มีรายงานข่าวระบุว่า สำหรับประวัติ พล.ต.ท.สมชาย นิตยบวรกุล หรือ อ่วมถนอม อดีต รอง ผบช.กมค. (กฎหมายและคดี) สื่อมวลชนแวดวงข่าวอาชญากรรม พื้นที่ภาคใต้ตอนบน รู้จักมักคุ้นกันอย่างดี เพราะชีวิตรับราชการ พล.ต.ท.สมชาย ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ บช.ภ.8 จากสมัยเป็นตำรวจหนุ่มๆ นักข่าวเรียกติดปากกัน “พี่อ่วม” กระทั่งเติบโตก้าวหน้าถึงขั้นระดับรองผู้บัญชาการฯ จะเรียก “บิ๊กอ่วม” เป็นชาว อ.สามพราน จ.นครปฐม จบนักเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน รุ่น 34 มีเพื่อนร่วมรุ่น อาทิ พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล อดีตเลขาฯ ป.ป.ง., พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก., พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร อดีต ผบช.น ฯลฯ
เริ่มรับราชการครั้งแรก ตำแหน่งรองสารวัตร ที่ สภ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อปี 2524 ยังอยู่เป็นยุคที่มีทั้งโจรเรียกค่าไถ่ เรียกค่าคุ้มครอง ปิดถนนปล้นรถทัวร์ ในหลายพื้นที่ภาคใต้ ช่วงปี 2525-2529 ถูก พล.ต.ท.สรรเพชญ์ ธรรมาธิกุล ขณะนั้นเป็น ผกก.จังหวัดนครศรีธรรมราช ดึงมาช่วยราชการร่วมในชุดปฏิบัติการพิเศษ ภ.จว.นครศรีธรรมราช ปราบปรามโจรผู้ร้ายรวมไปถึงสถานการณ์ของความไม่สงบจากผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์เก่า และเมื่อคราวเกิดเหตุผู้ก่อการร้ายลอบวางระเบิดศาลากลางจังหวัด เมื่อปี 2529 ร.ต.อ.สมชาย ตำแหน่งขณะนั้น ยังนำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าควบคุมเหตุการณ์และอาสากู้ระเบิดด้วยตัวเองจนสำเร็จ หลังมีผลงานโดดเด่นทั้งบู๊และบุ๋นแบบครบเครื่องจึงได้ทำงานเป็นมือขวาของ พล.ต.ท.สรรเพชญ์ มาโดยตลอด
กระทั่งปี 2530 พล.ต.ท.สรรเพชญ์ ลูกศิษย์รักของ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช เจ้าของฉายานายพลจอมขมังเวท อดีต ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ร่วมกันจัดสร้างศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช และวัตถุมงคลจตุคาม-รามเทพ ร.ต.อ.สมชาย ก็มีโอกาสร่วมพิธีและกลายเป็นนายตำรวจที่มีวัตถุมงคลจตุคามฯ รุ่น 30 อยู่ในครอบครองจึงบูชาติดตัวตลอดเวลาที่ปฏิบัติหน้าที่ราชการ กว่า 10 ปีวนเวียนอยู่ในพื้นที่ ภ.จว.นครศรีธรรมราช จากนั้นปี 2542 ย้ายไปเป็น สารวัตรใหญ่ สภ.เมืองระนอง แล้วเลื่อนเป็น ผกก.สภ.เมืองระนอง , ผกก.สภ.หลังสวน จว.ชุมพร ,รอง ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช, ปี 2554 เลื่อนตำแหน่ง “พล.ต.ต.” ผบก.ภ.จว.ชุมพร, ปี2557 ขึ้นรอง ผบช.ภ.8 ริเริ่มฝึกอบรมหลักสูตร ยุทธวิธีตำรวจ (ราชเดช) ราชเดชพังพระกาฬ เพื่อเพิ่มศักยภาพใช้อาวุธปืนในยุทธวิธีต่างๆ จนกลายเป็นโมเดลหลักสูตรต่อสู้ที่สำคัญของตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรภาค 8 และยังก่อตั้ง ชุดปฏิบัติการพิเศษราชเดช
ต่อมา ปี 2558 พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น เพื่อนร่วมรุ่น (นรต.34) เห็นมีความสามารถพิเศษครบเครื่องจึงดึงจากภาคใต้ตอนบนขึ้นมาช่วยงานปราบปรามอาชญากรรมในพื้นที่เมืองหลวง เป็น รอง ผบช.น. จากนั้นก่อนจะเกษียณอายุราชการย้ายไป รอง ผบช.กมค.(กฎหมายและคดี) กระทั่งมาเป็นข่าวอีกครั้งเมื่อช่วงสายวันที่ 21 ก.ย. นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงข่าวภายหลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 8 มีคำพิพากษา พล.ต.ท.สมชาย นิตยบวรกุล หรือ อ่วมถนอม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรอง ผบช.ภ. 8 มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ซึ่ง ป.ป.ช. ขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินรวมมูลค่า 136,276,311 บาท ตกเป็นของแผ่นดิน