“ผู้มีอำนาจ-ต.” พูดแล้วไม่ทำ.. ทำให้ “ตัวเอง” ด้อยค่าไร้ราคา ทั้ง“ คำพูด”กับ “การกระทำ” เลยว่ะ..!
“คน” กับ “ระบอบ” และ “กฎหมาย” อะไรเป็นสิ่งสำคัญมากกว่ากัน? มุมมองบรรดา “กูรู-กูรู้” ถกเถียงกันมิรู้จบ..
“กูรู-กูรู้” กลุ่มใหญ่ มั่นใจว่า “คน” มาก่อน “ระบอบ” และ “กฎหมาย” นะว้อย?
เพราะ “คนดี” ไม่ต้องมีระบอบให้ยุ่งยาก และไม่ต้องมีกฎหมายมาบังคับ-เพราะไม่ทำชั่วอยู่แล้ว!
ทว่า.. “คนชั่ว” ยังคง “ทำชั่ว” ไม่หยุดอยู่เสมอ “คนชั่ว” จึงต้องมีกฎระเบียบ-กฎหมาย-ระบอบ ฯลฯ ที่ “ดี” มากำหนดบังคับ เพื่อมิให้ทำชั่วต่อชาติบ้านเมืองและประชาชน ให้ปั่นป่วนวุ่นวายเฉกเช่นในอดีต
ทุกอาชีพ-ทุกวงการ-ทุกสังคม จึงต้องมี-ต้องปรับเปลี่ยน กฎกติกา-กฎหมาย-ระบอบ ฯลฯ
ตามหลักระบอบประชาธิปไตย ต้องมี “สามสถาบันหลัก” ที่ต้อง “ดี” นั่นคือ มี “สภาผู้แทนราษฎร” หรือฝ่ายนิติบัญญัติ! ต้องมี “รัฐบาลเลือกตั้ง” หรือฝ่ายบริหาร! ต้องมี “ศาล” หรือกระบวนการยุติธรรม!
จึงต้องตีเส้นใต้เน้นว่า ทั้ง 3 ฝ่ายต้องคัดสรร “คนดี” มีคุณภาพมากคุณธรรม เข้าไปทำงานใน“องค์กร”เหล่านั้น
อ้อ!..และที่ต้องเน้นเป็นพิเศษคือ “ผู้นำองค์กร” ต้องเป็น “คนดี” มีผลงานและความซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่ประจักษ์และเป็นที่ยอมรับของผู้คนในสังคม! “ผู้นำองค์กร” ต้องไม่ “ปากว่าตาขยิบ” มีพฤติกรรมส่อไปในทางโกงองค์กรหรือโกงชาติ ฯลฯ
ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ การ “เลือกตั้งสกปรก” ยังเต็มไปด้วยการ “ซื้อเสียง” และโกงสารพัด! องค์กร “กกต.” กับผู้คนที่เกี่ยวข้อง ให้ “คุณ” และ “โทษ” กับการเลือกตั้ง ยังไร้ความสามารถ และไม่สุจริตเท่าที่ควร! จึงส่งผลให้ “สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร” จำนวนมาก ด้อยคุณภาพและไร้คุณธรรม ส่วนใหญ่ได้กลายเป็นขบวนการแสวงหา กับกอบโกยผลประโยชน์ ให้ “ตนเอง” กับ “พวกพ้อง” มาตลอด!
ทำให้ “รัฐบาลเลือกตั้ง”โดยส่วนใหญ่ มักใช้อำนาจรัฐเผด็จการรัฐสภา ที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริต และฉ้อฉลต่อชาติกับประชาชน มุ่งแต่แสวงหากอบโกย “อำนาจ-เงินทอง-ผลประโยชน์” ให้“ตัวเอง” กับ “พรรคพวก” เป็นหลัก! แทนที่จะใช้อำนาจพัฒนาชาติให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น และส่งเสริมให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเป็นหลัก!
ขอย้ำอีกครั้ง!.. เมื่อ “การเลือกตั้งสกปรก” ส่วนใหญ่ย่อมได้“ สมาชิกสภา” กับ “รัฐบาลเลือกตั้ง” ใช้อำนาจอย่างอธรรม ทำเพื่อ “ตนเอง” กับ “พรรคพวก” เป็นหลัก ดังนั้น “การเมือง” กับ“ นักการเมือง” จึงเต็มไปด้วยการโกงชาติมหาศาล เพราะ “รัฐบาลเลือกตั้ง” ส่วนใหญ่ ต้อง “ถอนทุนบวกกำไร” นั่นเอง…
ส่วน “ศาล” หรือกระบวนการยุติธรรมนั้น ประชาชนยังพึ่งพาความยุติธรรม “สามศาล” เป็นหลักได้!
แต่ด้าน “กระทรวงยุติธรรม” ที่เกี่ยวข้องในการบริหาร ยังน่าเป็นห่วงในเรื่องความยุติธรรมอยู่บ้าง? โดยเฉพาะ “รัฐมนตรี” ที่มาจากการเลือกตั้ง ยังมีคำถามว่า “ยุติธรรมจริง” หรือไม่? ทำงานสมเป็น“รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม” หรือไม่?
“รัฐมนตรี” ที่ผ่านมาหลายคน ด้อยคุณภาพกับคุณธรรม ทำให้ “กระทรวงยุติธรรม” กลายเป็น “กระทรวงไม่ยุติธรรม” ไปเสียฉิบ! เพราะ “รัฐมนตรี” ทำให้ “ผู้พิพากษาบางคน” ตัดสินคดีความไม่เที่ยงตรงและไม่เป็นธรรม ขัดกับความเป็นจริงและความรู้สึกของประชาชน..
นั่นยังไม่รวมถึงกระบวนการ “ต้นน้ำ-กลางน้ำ”อย่างองค์กร “ตำรวจ”และ “อัยการ” ที่มักส่อไปในทางไม่เที่ยงธรรม จนเกิดคดีความที่ไม่โปร่งใส จากผลงานด้านลบของ “ตำรวจ-อัยการ” ที่ทำลายความน่าเชื่อถือ ทำลายศรัทธาจากสังคมลงอย่างมากมาย จนเป็นที่โจษขานอย่างกว้างขวางของผู้คนส่วนใหญ่ว่า “คุกมีไว้ขังคนจน”ไม่ได้มีไว้“ขังคนรวย”(ว่ะ)!
แถมตัว“มหาเศรษฐี” และ“ลูกหลานญาติพี่น้อง”มิใช่น้อย ที่ทำผิดกฎหมายชาติบ้านเมือง มักมี“ตำรวจ-อัยการ-ผู้พิพากษา”บางคน คอยช่วยให้“หลบหนี”จากคดีความ หรือช่วยให้รอด“คุกตะราง”บ่อยๆ
แม้ว่า“คนทำชั่ว”ต้อง“ติดคุก”ตามพิพากษา“ศาล”ถูกจองจำภายใต้การควบคุมของ“กรมราชทัณฑ์” โดยมี“รมว.กระทรวงยุติธรรม”กำกับ ก็ยังสามารถกำหนดให้เป็น“นักโทษยอดเยี่ยม” เพื่อจะลดโทษให้“ผู้ต้องขัง”ได้อีกด้วย
เรียกว่า..“คนร่ำรวย-คนโกงชาติ-คนล้มเจ้า”“ติดคุก”
ไม่นานก็ได้พ้นโทษมาเฉิดฉายนอกคุก มาใช้เงินสกปรกที่ซุกซ่อนไว้อย่างสบายใจเฉิบ..อืม.. เพิ่งรู้ว่า “คำตัดสิน”ของ“ศาล” ไม่ได้มีอำนาจสูงสุด ไม่ได้มีผลบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาเลยนี่หว่า? เพราะมี“องค์กร”และ“กรรมการกลุ่มหนึ่ง” มีอำนาจเหนือ“ศาล” สามารถกำหนดให้“ลดโทษ” กับให้“หมดโทษ”ได้อีกด้วย!..จริงไหม?
การเมืองไทยที่ผ่านมากว่า 90 ปี “นักการเมืองไทย” มาจากสองรูปแบบ ที่ก่อเกิดจากวงจรอุบาทว์ทางการเมือง นั่นคือ
หนึ่ง – “นักการเมือง” มาจากการ “เลือกตั้ง” ทำงานในสภาฯ กับ “รัฐบาลเลือกตั้ง” ที่มักโกงชาติ บางคณะยังบังอาจ “ล้มเจ้า” อีกด้วย จนถูกใช้เป็นข้ออ้างว่า เป็น “ต้นเหตุหลัก”ของ“รัฐประหาร”!
สอง-“นักการเมือง” มาจากการ “รัฐประหาร” ตั้ง “รัฐบาลเผด็จการทหาร” เข้ามาบริหารชาติแบบ “สมบัติชาติผลัดกันโกง” โดยไม่ได้ทำการปฏิรูปชาติ! ไม่ได้ลดความเหลื่อมล้ำ! ไม่ได้ปราบคนโกงชาติ ฯลฯ แถมบางคณะยังโกงชาติอีกด้วย ฯลฯ
“นักการเมือง”ที่บริหารชาติบ้านเมืองทั้ง“สองรูปแบบ”ควรต้องเป็น“คนดี” เพราะเกี่ยวข้องกับ“อำนาจ-เงินทอง-ผลประโยชน์”มหาศาล ที่ต้องนำไปสร้างผลงานให้ชาติเจริญมั่นคงยั่งยืน ทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นเป็นสรณะ..จริงไหม..?
“นักการเมืองดี” ไม่ว่าจะมาจาก“เลือกตั้ง”หรือ“รัฐประหาร”ต้องพยายามทำเรื่องร้ายให้กลายเป็นดี และต้องทำเรื่องดีให้ดีมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ!
“นักการเมืองชั่ว” ที่มาจาก“เลือกตั้ง”และ“รัฐประหาร”มักทำเรื่องดีให้กลายเป็นร้าย ทำและเรื่องร้ายให้เลวร้ายยิ่งขึ้นเรื่อยๆ!
มหาเศรษฐี“ท.” ลงเลือกตั้งฯ หาเสียงประกาศว่า “รวยแล้วจะไม่โกงชาติ”!
เมื่อได้เป็น“นายกฯ”ก็เผยสันดานขี้โกง โกงชาติอย่างมโหฬารชนิดไม่รู้จักพอ แถมยังชี้นิ้วบงการให้“รัฐบาล”เครือข่ายของ“ท” ทั้งโกงชาติกับล้มเจ้า จนถูกรัฐประหารถึง 2 ครั้ง 2 ครา ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย!
ครั้น“ต.”ได้เป็น“หัวหน้าคณะรัฐประหาร” ควบตำแหน่ง“นายกรัฐมนตรี”!
”ที่มีอำนาจเผด็จการเต็มร้อย ประกาศจะ“ปฏิรูปชาติก่อนเลือกตั้ง”! จะ“ลดความเหลื่อมล้ำในหลากมิติ”! จะ“ปราบคนโกงชาติชนิดไม่ไว้หน้า” ฯลฯ
ทว่า“ต.”ได้แต่“พูดจนลิงหลับตกต้นไม้” โดย“ต.”ไม่ได้ทำสิ่งที่ให้สัญญาประชาคมอย่างจริงจังเท่าที่ควร แถมบางเรื่อง“ต.”ไม่ได้ทำแม้แต่น้อยเลยว่ะ
เรียกว่า.. “ต.”เป็น“หน.ครปห.”กับเป็น“นรม.”ที่“ตระบัดสัตย์” เป็นชายชาติทหารที่“ทำผิดคำพูด”ชนิดไม่อายใครในแผ่นดินไทยเลยล่ะ?
นายกฯเลือกตั้ง“ท.”ทำผิดคำพูด! นายกฯรัฐประหารและสืบทอดอำนาจ จนได้เป็นนายกฯเลือกตั้ง“ต.” ก็ตระบัดสัตย์เช่นกัน!
“ท.”ดีกว่า“ต.”ไหม? “คำตอบ”ที่พิสูจน์กันจาก“ผลงานโดยรวม” ตามข้อมูลที่มีและค้นหาได้ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน โดยใช้สติปัญญาพิจารณา-พิเคราะห์ อย่างไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อระบุว่า
“ต.” ดีกว่า “ท.” ตรงไหน? และ “ท.” ดีกว่า “ต.”ตรงไหน? หรือ “ต.” เลวกว่า “ท.” ตรงไหน? กับ “ท.” เลวมากกว่า “ต.” ตรงไหน?
อ้อ!.. แต่อย่าได้ไปถาม “พวกสมองฉลาด” ซึ่งโตจน“ควายเลียก้นไม่ถึง”! พวกที่รู้ดีว่า อะไรถูกอะไรผิด! เรื่องไหนควรทำและไม่ควรทำ! และรู้ว่า “รัฐบาลเลือกตั้ง” ต้องไม่โกงชาติ เพราะโกงชาติเป็นสิ่งไม่ดี ต้องถูก “คนดีประณามสาปแช่ง”! โดยเฉพาะ “นักเคลื่อนไหวเดือนตุลา” ที่เคยร่วมต่อสู้ในเหตุการณ์ “ตุลา 16”กับ “ตุลา 19”และ “พฤษภา 35”
“คนกลุ่มนี้”บางส่วน หน้ามืดตามัว เห็น “กงจักรเป็นดอกบัว” คอยชื่นชมสรรเสริญ “ท.”ที่เป็น “ตัวเงินตัวทอง”เป็น “นายจ้าง” ซื้อตัวและวิญญาณให้เป็น “ผี-โม่แป้ง” คอยแก้ต่างให้“ท.”ทุกวิถีทาง เพราะ “คนกลุ่มนี้” มีความสุขกับเงินเดือนสูงลิบลิ่ว และมีโอกาสจะได้เป็น “รัฐมนตรี” ตามแต่ “ท.” จะตกรางวัลให้นั่นเอง!
ส่วน “ต. ”ที่มีอำนาจจากรัฐประหาร ผู้ที่กำลังอยู่ในสภาพตกต่ำลงเรื่อยๆ เพราะอยู่ในอำนาจมานาน 8 ปีกว่า ผลิตแต่ “ผลงานทั่วไป” เท่านั้น แต่ไม่ได้แก้ “ต้นเหตุปัญหา” เลวร้ายของชาติเลย!
ตั้งแต่วันก่อนจรดวันนี้.. “ต.” ยังหลงอำนาจ! “ต.” ยังหลงทาง และยัง “หลงผิด” ซ้ำซากเหมือนเดิม!!! เฮ้อ!
