(29 พ.ย.65) เมื่อเวลา 10.37 น. ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือผ่านนายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ร้องเรียนต่อ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีขอให้คุ้มครองพยานผู้เปิดเผยการรับสินบน 50 ล้านบาท ของรัฐมนตรีในรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากกรณี นายอินทระศักดิ์ เตชธีระสิริ หรือบอย ยูนิตี้ ได้ยื่นหนังสือที่อ้างถึงข้างต้นและสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้รับหนังสือไว้เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2565 มีเนื้อหาเปิดเผยกระบวนการทุจริตเรียกรับสินบนเกี่ยวกับการนำเข้ารถยนต์หรูจากต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรโดยมีผู้กระทำผิดเรียกรับสินบนเป็นส.ส.รัฐมนตรี และข้าราชการระดับสูงในกรมศุลกากร โดยมีการเรียกรับสินบนเป็นเงินสูงถึง 50 ล้านบาท และ 25 ล้านบาท เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถนำเข้ารถยนต์หรู ด้วยการเสียภาษีนำเข้าต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนดนั้น การเปิดเผยครั้งนี้อาจทำให้นายอินทระศักดิ์ เตชธีระสิริ หรือบอย ยูนิตี้ ที่เป็นพยานปากสำคัญ ขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ และน้องสาวของนายอินทระศักดิ์คือ น.ส.ฐิติพรรณ เตชธีระสิริ ที่ยืนยันอีกปากหนึ่งว่า ข้อเท็จจริงเป็นไปตามหนังสือที่แจ้งไว้ต่อ ป.ป.ช.ทุกประการ อาจได้รับอันตรายถึงชีวิตได้ โดยญาติของนายอินทระศักดิ์ได้ร้องขอให้ตนช่วยเหลือประสานงานเรื่องความปลอดภัยให้ ดังนั้นจึงขอให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการไปยังกระทรวงยุติธรรม และกรมราชทัณฑ์ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การคุ้มครองรักษาความปลอดภัยให้กับนายอินทระศักดิ์ ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ.2546 และ/หรือระเบียบต่างๆที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายต่อไปโดยด่วนที่สุด
จากนั้นเวลา 11.45 น. นายวัชระ ได้ไปที่สำนักงาน ป.ป.ช.ยื่นหนังสือถึงพล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช.ขอให้ดำเนินการตามกฎหมายและจริยธรรมร้ายแรงกับ ส.ส. รัฐมนตรี และอดีตอธิบดีกรมศุลกากรกับพวกว่ามีความผิดจริงหรือไม่ จากกรณีดังกล่าวโดยด่วนที่สุด โดยหนังสือที่นายอินทระศักดิ์ได้ยื่นถึงป.ป.ช.เมื่อวันที่ 7 พ.ย.65 ระบุว่า นาย ผ.สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นางสาว ก.และนาย ท. อดีตรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นาย ร.อดีตอธิบดีกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง เรียกรับสินบนและรับเงินไปแล้วเป็นจำนวนสูงถึง 50 ล้านบาท และ 25 ล้านบาท ตามลำดับ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถนำเข้ารถยนต์โดยเสียภาษีนำเข้าต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด ซึ่งการกระทำความผิดดังกล่าวอยู่ในอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของป.ป.ช. ต่อมาปรากฏว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้เป็นผู้สอบสวนเรื่องนี้ แต่ไม่ได้สอบสวนไปถึงการกระทำความผิดของ ส.ส. รัฐมนตรี และข้าราชการระดับสูงในกรมศุลกากร เอาผิดแต่เฉพาะข้าราชการกรมศุลกากรชั้นผู้น้อยเท่านั้น ซึ่งรายละเอียดการกระทำผิดและบุคคลที่เกี่ยวข้องปรากฏโดยชัดแจ้งตามหนังสือของนายอินทระศักดิ์แล้ว ดังนั้น จึงขอให้ประธานป.ป.ช.พิจารณาตั้งคณะกรรมการไต่สวนกรณีดังกล่าว พร้อมกับขอให้กันข้าราชการชั้นผู้น้อยที่ให้การเป็นประโยชน์และนายอินทระศักดิ์ ไว้เป็นพยาน รวมทั้งสอบสวนจริยธรรมร้ายแรงกับบุคคลผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่เกี่ยวข้อง และคุ้มครองพยานคือ นายอินทระศักดิ์ และ น.ส.ฐิติพรรณ เตชธีระสิริ น้องสาวนายอินทระศักดิ์
เพื่อป้องกันภยันตรายที่อาจเกิดขึ้นถึงกับชีวิตโดยด่วนที่สุด