นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่ฯ ห่วงเศรษฐกิจไทยปี 66 ไม่ฟื้นหลังทั่วโลกประหยัดการใช้จ่ายเห็นได้จากยอดสั่งซื้อเนื้อไก่ไทยช่วงปลายปีชี้พิษสงครามยังทำต้นทุนผลิตพุ่งสูงแนะนักการเมืองขายฝันขึ้นค่าแรง 600 บาทหากเป็นจริงผลดีตกที่แรงงานต่างด้าวไม่ใช่กลุ่มทำงานชาวไทย
ดร.ฉวีวรรณ คำพา นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และประธานกรรมการบริหารบริษัทในเครือฉวีวรรณ ผู้ส่งออกเนื้อไก่ไทยรายใหญ่ของประเทศ เผยถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของไทยในวันนี้ว่าแท้จริงแล้วยังไม่ดีขึ้นตามที่หลายฝ่ายคาดหวังซึ่งปัจจัยสำคัญมาจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่ทำให้ต้นทุนการผลิตต่างๆพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องจนหลายประเทศต้องประหยัดค่าใช้จ่าย
เห็นได้จากยอดการส่งออกเนื้อไก่ปรุงสุกของไทยที่เคยเป็นที่ต้องการของประเทศต่างๆ แต่ในวันนี้หลายประเทศเริ่มลดคำสั่งซื้อลงเนื่องจากกำลังซื้อของประชาชนทั่วโลกลดต่ำ
แม้แต่ ฉวีวรรณกรุ๊ป ที่มีตลาดส่งออกในกลุ่มประเทศแทบสหภาพยุโรปและญี่ปุ่น รวมทั้งอังกฤษที่เรามียอดส่งออกมากเป็นอันดับ 1 ในช่วงปลายปีนี้เห็นได้ชัดว่าออเดอร์สินค้ามีน้อยลงเพราะประชาชนส่วนใหญ่ทั่วโลกเริ่มประหยัดและเริ่มไม่มีเงินใช้อย่างจริงจังแล้วจากภาวะเงินเฟ้อ คู่ค้าของเราจึงไม่สั่งสินค้าเพื่อสต๊อกไว้เหมือนเมื่อก่อน แต่ยังดีที่การส่งออกในช่วงต้นปีคือ ม.ค.-ต.ค. 2565 เรามีออเดอร์ที่มากอยู่
ดร.ฉวีวรรณ เผยว่าอย่างไรตามแม้คำสั่งซื้อในช่วงปลายปีจะลดลงแต่ก็ยังคงต้องจับตาการสั่งซื้อสินค้าล็อตใหม่ที่จะมีขึ้นในช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค.ของปีถัดไปว่าจะเป็นเช่นไร “ยอดการส่งออกเนื้อไก่ไทยในปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นประมาณ 3-4% แต่ก็เป็นตัวเลขการเติบโตที่น่าพอใจเพราะมีปัจจัยช่วยเรื่องค่าเงินบาทเข้ามาช่วยทำให้ผู้ส่งออกสามารถขายสินค้าได้ราคาดีขึ้น ”
อย่างไรก็ตามการที่มีพรรคการเมืองชูประเด็นการหาเสียงเกี่ยวกับการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวันนั้น ในส่วนของภาคธุรกิจมองหาหากแนวคิดดังกล่าวเกิดขึ้นจริงก็ย่อมส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการในประเทศที่ในวันนี้ค่าแรงแค่ 300 บาทต่อวัน ก็ทำให้เดือดร้อนกันถ้วนหน้าแล้ว ที่สำคัญหากเกิดจริงผลประโยชน์จะตกกับแรงงานต่างด้าวที่เข้ามารับจ้างทำงานแบบรายวัน มากกว่าแรงงานไทยที่ส่วนใหญ่ทำงานในรูปแบบบริษัท
“เรื่องการเสนอขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ทำให้ผุ้ประกอบการถึงกับร้องเพราะแค่ 300 บาทต่อวัน ผู้ประกอบการก็แทบเอาตัวไม่รอดแล้ว แต่อย่างไรก็ตามเราคงต้องฟังในส่วนของรายละเอียดที่พรรคการเมืองจะนำเสนอว่า เขามีวิธีดำเนินการอย่างไรและมีแนวทางในการพัฒนาธุรกิจของไทย รวมทั้งลดค่าใช้จ่ายทั้งค่าไฟ ค่าสาธารณูปโภคต่างๆ ให้กับประชาชนและผู้ประกอบการอย่างไรด้วย”
ดร.ฉวีวรรณ ยังฝากถึงผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจว่าในปี 66 จะต้องมีการวางแผนงานที่ดีเพราะแม้ในปี 65 ภาวะเศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบหลายด้านแต่ก็ยังโชคดีที่มีปัจจัยช่วยในเรื่องความต้องการสินค้าโดยเฉพาะด้านอาหารของไทยจากหลายประเทศทั่วโลก จึงทำให้มีเงินตราเข้ามาในประเทศแต่ต่อจากนี้ไปความต้องการสินค้าจากไทยของคู่ค้าทั่วโลกจะเริ่มน้อยลง และภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในปีหน้าจะแย่กว่าปีนี้
“ในส่วนของสมาคมฯ เราก็ได้แจ้งเตือนไปยังสมาชิกว่าแต่ละบริษัทก็จะต้องดูแลเรื่องการส่งออกของตนเองให้ดีและขอให้ระมัดระวังเรื่องต้นทุนการผลิต ทั้งค่าไฟ ค่าแรงงานและค่าวัตถุดิบต่างๆ ที่จะปรับขึ้นหมดเช่นเดียวกับประชาชนก็ต้องระมัดระวังเรื่องการใช้ชีวิต และอย่าประมาทเพราะในปี 66 จะเป็นปีที่ท้าทายมาก อย่าหวังพึ่งสถาบันการเงินเพราะเขาก็ต้องระวังตัวเองเช่นกันและจากนี้ไปอัตราดอกเบี้ยก็จะปรับตัวสูงขึ้น มองดูแล้วเรายังไม่เห็นทิศทางที่ดีทางเศรษฐกิจเลย” ดร.ฉวีวรรณ กล่าว