ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม., พ.ต.อ.มารุต กาญจนขันธกุล, พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์, พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์, พ.ต.อ.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ, พ.ต.อ.ณัฏฐ์ สุวรรณวัฒนะ รอง ผบก.ปคม., พ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.3 บก.ปคม., พ.ต.อ.ชุมพล หันชะนา ผกก.สภ.หนองเรือ, พ.ต.ท.สมเดช สาระบรรณ์, พ.ต.ท.อภิชน ขันกา รอง ผกก.3 บก.ปคม., พ.ต.ท.สงค์ นิลประทีปปรีชา รอง ผกก.สส.สภ.หนองเรือ และ พ.ต.ต.ทวี บุตรตรา สว.สส.สภ.หนองเรือ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม กก.3 บก.ปคม. นำโดย พ.ต.ต.เชษฐ์ศุภากร พิริยะพงษ์พันธ์ สว.กก.3 บก.ปคม., พ.ต.ต.ณัฐพล พลอยท้วม สว.กก.3 บก.ปคม. พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจ กก.3 บก.ปคม. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองเรือ
ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหา จำนวน 5 ราย ดังนี้
1.นายชัยเวศน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดชุมแพที่ 155/2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม หรือรับของโจร” สถานที่จับกุม บริเวณลานจอดรถหน่วยบริการตํารวจทางหลวงหนองเรือ อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น
2.นายพุทธา (สงวนนามสกุล) อายุ 64 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดชุมแพ ที่ 151/2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม หรือรับของโจร” สถานที่จับกุม บริเวณ สภ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น
3.นายสุริยา (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดชุมแพ ที่ 154/2565
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม หรือรับของโจร” สถานที่จับกุม บริเวณ สภ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น
4.นายอภิญญา (สงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดชุมแพ ที่ 153/2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม หรือรับของโจร” สถานที่จับกุม บริเวณกระท่อมปลายนาไม่มีเลขที่ หมู่ 8 ต.นาข่า อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น
5.นายเสวียน (สงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดชุมแพ ที่ 152/2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม หรือรับของโจร” สถานที่จับกุม บริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ หมู่ 1 ต.พระยืน อ.พระยืน จ.ขอนแก่น
พฤติการณ์ เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงฤดูการตัดอ้อยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมักจะมีการลักลอบนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาเป็นคนงานจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปคม. จึงได้เร่งดำเนินการสืบสวนจับกุมกลุ่มบุคคลต่างด้าวที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ซึ่งระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปคม. ได้ลงพื้นที่กวดขันจับกุม ในพื้นที่ อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น นั้น ได้มีประชาชนหลายรายร้องเรียนว่ามีกลุ่มขบวนการลักลอบตัดไม้ประดู่ ในพื้นที่ ต.จระเข้ อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น ทั้งนี้ได้มีการแจ้งความร้องทุกข์กับ สภ.หนองเรือ เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดไว้แล้ว จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปคม. และ สภ.หนองเรือ จึงได้ร่วมกันสืบสวนจนทราบพฤติการณ์ของกลุ่มขบวนการลักลอบตัดไม้ประดู่ จนทราบตัวบุคคลในขบวนการและแหล่งที่นำไม้ประดู่ที่ลักไปขาย จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานยื่นคำร้องขอหมายจับผู้ต้องหาในขบวนการ จำนวน 5 ราย
ต่อมาวันที่ 20 ธันวาคม 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ลงพื้นที่ จ.ขอนแก่น ทำการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย นำส่ง พงส.สภ.หนองเรือ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยจะได้ทำการขยายผลถึงผู้เกี่ยวข้องรายอื่นต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การภาคเสธ โดยให้การว่าเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม2565 นายชัยเวศน์ฯ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ได้ติดต่อให้กลุ่มผู้ต้องหามาตัดต้นประดู่ในที่ดินของผู้เสียหาย ที่จังหวัดขอนแก่นจริง แล้วร่วมกันนำไปขายให้กับโรงเลื่อย ในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยได้เงินจากการขายต้นไม้ประดู่ที่ร่วมกันลักลอบตัดไปดังกล่าวเป็นมูลค่าประมาณ 130,000 บาท โดยนายชัยเวศน์ฯ ได้ส่วนแบ่งจากการตัดไม้ดังกล่าวจำนวน 65,000 บาท ในส่วนที่เหลือกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 4 คน นำไปแบ่งกัน
ตำรวจสอบสวนกลางขอเตือนภัยถึงพี่น้องประชาชน ในช่วงนี้มีกลุ่มขบวนการลักลอบตัดไม้มีค่าของประชาชนเป็นจำนวนมาก เนื่องจากต้นไม้มีค่าของประเทศไทยมีจำนวนลดลงเรื่อยๆ ประกอบกับมีราคาแพงเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ จึงขอให้ประชาชนตรวจสอบต้นไม้มีค่าที่อยู่ในที่ดินของตนเป็นประจำ ซึ่งหากพบว่าไม้มีค่าถูกลักลอบตัดไปหรือทรัพย์สินอื่นๆ ได้รับความเสียหาย สามารถติดต่อสถานีตำรวจในพื้นที่รับผิดชอบเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป