วันศุกร์, มีนาคม 29, 2024
หน้าแรกคอลัมนิสต์สืบจากข่าวไม่มีคำสั่ง "ใครจะกล้าทำ" กฏเหล็ก"ข้าราชการ" “ปม”ถือเงินเข้าห้อง "อธิบดี"

Related Posts

ไม่มีคำสั่ง “ใครจะกล้าทำ” กฏเหล็ก”ข้าราชการ” “ปม”ถือเงินเข้าห้อง “อธิบดี”

“…ดูเหมือนทำท่าจะโอละพ่อ จากคนทำความดี กำลังจะกลายเป็นคนเลว เป็นคนร้ายในสายตาของผู้บังคับบัญชา แถมเตรียมหาข้อมูล ตั้งกรรมการสอบย้อนหลังอดีต ยัดเยียดให้สังคมสับสน กับการทำงานปราบปรามคนโกง คนทุจริตให้กับบ้านเมืองของ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร  อดีตทีมพญาเสือ อดีต “ข้าราชการพลเรือนดีเด่น” ที่กลายเป็นผู้ต้องหาในหลายเรื่องราว…”

นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร  อดีตทีมพญาเสือ อดีต “ข้าราชการพลเรือนดีเด่น”

ดังคำโบราณว่าไว้ นักรบย่อมมีบาดแผล หรือครั้งนี้จะเป็นอีกหนึ่งรอยบาดแผล บนริ้วรอยของชีวิตของนายชัยวัฒน์ จากผลการป้อนข้อมูล ให้เกิดการจับกุม “อธิบดีกรมอุทยานฯ” กรณีเรียกรับผลประโยชน์ ค่าวิ่งเต้นโยกย้ายตำแหน่ง หรือครั้งนี้จะเป็นปฏิบัติการที่ล้มเหลว เป็นปฏิบัติการจับการทุจริตที่เป็นไปไม่ได้ ในยุค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี 8 ปี

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป.

ลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2565 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ นำกำลังเดินทางมายังอาคารสืบนาคะเสถียร กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เพื่อเชิญตัว นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช มาทำการแจ้งข้อกล่าวหาในความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงานสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งโดย ไม่ชอบด้วยหน้าที่ และเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบโดยทุจริต”

สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เพื่อแจ้งเอาผิด นายรัชฎา หลังพบว่า นายรัชฎา มีพฤติกรรมใช้อำนาจหน้าที่ในทางไม่เหมาะสม กลั่นแกล้งโยกย้ายตำแหน่งเจ้าหน้าที่ที่ไม่ยอมจ่ายเงินวิ่งเต้น จำนวน 500,000 บาท ไปยังตำแหน่งอื่นๆ ที่ห่างไกลจากภูมิลำเนาหรือที่พักอาศัย

อีกทั้งยังมีพฤติกรรมเรียกเก็บเงินจากหัวหน้าหน่วยงานภาคสนาม คิดตามอัตราส่วนจากหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรงบประมาณ เช่น อุทยานแห่งชาติ, เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จะเก็บ 18.5 เปอร์เซ็นต์ จากหมวดงบดำเนินงานและค่าใช้สอย, หน่วยป้องกันไฟป่า 30 เปอร์เซ็นต์ จากหมวดงบดำเนินงาน และค่าใช้สอย

หลังรับเรื่องจึงจัดกำลังลงพื้นที่สืบหาตรวจสอบข้อเท็จจริงนำมาสู่การเชิญตัวมาแจ้งข้อกล่าวหา พร้อมกับเข้าตรวจค้นพยานหลักฐานภายในห้องทำงาน

วันนั้นป.ป.ช.เปิดแผนเข้าจับกุม “อธิบดีกรมอุทยานฯ” โดยนัดหมายส่งมอบเงิน 98,000 บาท ที่ห้องทำงาน หลังได้รับเบาะแสว่ามีการใช้อำนาจเรียกรับเงินจากผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อแลกกับการไม่ถูกโยกย้ายตำแหน่ง โดยพบเงินอีก 5 ล้านในห้องทำงาน

นาทีที่ถูกจับกุม  นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา” อธิบดีกรมอุทยานฯ ให้การภาคเสธเกี่ยวกับเงินซ้อนแผนล่อซื้อค่าวิ่งเต้นโยกย้าย 98,000 บาท ขณะที่เจ้าหน้าที่ตรวจค้นห้องทำงาน และตู้เซฟ เจอเงินสดรวมเกือบ 5 ล้านบาทอีกด้วย

นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช.

แต่ นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่ามีผู้เสียหายซึ่งเป็นข้าราชการระดับสูงในกรมอุทยานแห่งชาติฯ ร้องทุกข์กล่าวโทษ ว่า นายรัชฎา เรียกรับเงินหรือผลประโยชน์จากผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อแลกเปลี่ยนกับการไม่ถูกโยกย้ายตำแหน่งในหน่วยงาน โดยเรียกรับเงินจากหัวหน้าหน่วยงาน รายละประมาณ 2-3 แสนบาท จึงได้ทำการซ้อนแผน ล่อซื้อด้วยเงินสด 98,000 บาท และมีการขยายผลตรวจค้นภายในห้องทำงาน และตู้เซฟ รวมเป็นเงินสดเกือบ 5 ล้านบาท และพบบัญชีรายชื่อการจ่ายเงินด้วย โดยนายรัชฎา อยู่ระหว่างทำเรื่องขอประกันตัว โดยแจ้งข้อหาตามมาตรา 149 ,157

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. ระบุ เบื้องต้นวันนั้นว่า นายรัชฎา ยังให้การภาคเสธเกี่ยวกับเงินล่อซื้อจำนวนดังกล่าว โดยอ้างว่า ไม่รู้เป็นเงินอะไร ไม่ได้เปิดซองดู จึงเก็บใส่ลิ้นชักไว้ แต่เงินอีกส่วนที่พบในห้อง ผู้ต้องหายังไม่สามารถบอกที่มาของเงินดังกล่าวได้ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนปากคำที่ บก.ปปป. โดยเชื่อว่าตำรวจมีพยานหลักฐานแน่นหนาพอสมควรในการเอาผู้กระทำความผิดมาลงโทษได้

นายรัชฏา เป็นข้าราชการต้องทำเรื่องขอประกันตัว หากเป็นคนอื่น หรือคดีอื่น ต้องถูก”ปลดออก” “ให้ออก” หรือ”พักราชการไว้ก่อน” แต่ครั้งนี้กลับแตกต่างออกไป เพราะเพียงชั่วข้ามคืน สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. เวลา 12.20 น.ว่า ขณะนี้ถือว่าหลักฐานยังไม่ชัดเจน 100% และนายกรัฐมนตรีได้ลงนามในคำสั่งให้นายรัชฎา เข้ามาช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีผลในวันนี้ เพื่อดึงออกมาจากการเป็นอธิบดีกรมอุทยานฯ ตามพระราชบัญญัติบริหารราชการแผ่นดิน มาตรา 11 ที่นายกฯ มีอำนาจไม่ให้อยู่ตรงนั้น เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำการสอบสวนได้สะดวกโดยเรียบร้อย แต่ไม่ใช่การย้าย แต่เป็นการเอาออกมาก่อน ไม่ให้ปฏิบัติหน้าที่อธิบดี

“ส่วนการจะปลดออก หรือไล่ออกนั้น ต้องดำเนินการสอบทางวินัย หรือมีความผิดชัดเจน แต่ตอนนี้เอาออกมาก่อน แค่นี้เป็นการลงโทษ 50% แล้ว ส่วนจะย้ายกลับไปหรือไม่ หรือไล่ออกเลยเป็นอีกขั้นตอนหนึ่ง” นายวิษณุ กล่าว

ต้องถาม นายวิษณุว่า คำว่าเพื่อให้เจ้าหน้าที่สอบสวนได้โดยสะดวกนั้นมันจะสะดวกตรงไหน ในเมื่อผู้บังคับบัญชาเปลี่ยนไปแล้ว จากระดับกระทรวง  เป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หากจะสอบถาม จะสอบสวน นายรัชฎา ต้องทำหนังสือราชการถึง นายกรัฐมนตรี ใครเลยจะกล้าทำ มีหน่วยไหนบ้างจะทำได้? มันสะดวกตรงไหนหรือ คุณวิษณุ?

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี

อีกทั้งสำนักนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่รับผิดชอบการบริหารราชการทั่วไป เสนอแนะนโยบายและการวางแผนการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ความมั่นคง และราชการเกี่ยวกับการงบประมาณ ระบบราชการ การบริหารงานบุคคล กฎหมายและการพัฒนากฎหมาย การติดตามและประเมินผลการปฏิบัติราชการ การส่งเสริมการลงทุน การปฏิบัติภารกิจพิเศษ  ไม่เห็นมีบทบาทตรงไหนที่จะเอาข้าราชการ ที่ตกเป็นผู้ต้องหา เรื่องการทุจริตต่อหน้าที่ ให้มานั่งทำงานใกล้เคียงกับนายกรัฐมนตรีเลย? เอามาเก็บไว้ ทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานไม่สะดวกเพื่ออะไร?

และเมื่อเวลาผ่านไป พยานก็เริ่มลังเล เริ่มบิดพริ้ว เพราะเริ่มคาดเดาได้แล้ว ระหว่างนายชัยวัฒน์ กับ อดีตอธิบดี ใครจะเป็นผู้ชนะในท้ายยก พยานจากหน่วยงานที่มีชื่อระบุบนซองใส่เงินที่เจอในห้องผู้ต้องหา เข้าให้ปากคำ ปปป.ยืนยันเป็นหน่วยใต้สังกัดจริง เริ่มปฏิเสธว่าเป็นผู้นำซองเงินไปมอบให้อธิบดี และไม่รู้คนที่นำไปให้มีจุดประสงค์ใด

บางคนพูดชัดเจนว่า “ไม่มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับซองเงินดังกล่าว แต่ทราบว่าซองเป็นของหน่วยงานย่อย ที่อยู่ในสังกัดของตน แต่ไม่ได้เป็นผู้นำซองเงินมามอบให้กับนายรัชฎา จึงไม่ทราบว่าเป็นเงินค่าอะไร และผู้ที่นำไปมอบให้ มอบเพื่อจุดประสงค์ใด”

วาดลวดลาย พริ้วไหวปฏิเสธดื้อๆ เฉยเลย

เลยต้องถามข้าราชการทุกคน รวมทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะอดีตเป็นข้าราชการทหารมาก่อนว่า ในระบบราชการนั้น  ถ้าไม่มีคำสั่ง ใครจะกล้าเดินดุ่มๆเข้าห้องอธิบดี หรือเดินเข้าห้องผู้บังคับบัญชา และยิ่งถ้าไม่สั่งให้ถือเงินใส่ซองเข้ามา “ใครจะกล้าทำ” เรื่องนี้เป็นกฏเหล็ก”ข้าราชการ” เป็นสามัญสำนึกของข้าราชการทุกหมู่เหล่า ไม่มีใครกล้าเดินเข้าห้องคนระดับอธิบดี ปลัดกระทรวง ผู้บัญชาการตำรวจ ผู้บัญชาการทหาร โดยพลการ โดยไม่มีคำสั่ง หรือถูกเรียก ถูกเชิญให้เข้าพบ เป็นเรื่องจริงที่ปฏิบัติ และรับรู้กันมาเป็นร้อยปี จริงมั้ย?

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

ดังนั้น คนที่ถือเงินเข้าห้อง นายรัชฏา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานครั้งนี้ ถ้าไม่มีคำสั่ง “ใครจะกล้าทำ”!

#กองบรรณาธิการสืบจากข่าว : รายงาน

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

Latest Posts