วันอังคาร, พฤษภาคม 14, 2024
หน้าแรกการเมือง‘สมชัย’ อดีต กกต. วิเคราะห์ระบอบประยุทธ์ ถูกต้อนเข้ามุมอับหรือ?

Related Posts

‘สมชัย’ อดีต กกต. วิเคราะห์ระบอบประยุทธ์ ถูกต้อนเข้ามุมอับหรือ?

จากความเห็นมุมมองของอดีต กกต. “สมชัย ศรีสุทธิยากร” ผู้คร่ำหวอดในวงการเมืองไทย ที่เป็นน้องใหม่ในฐานะ “นักการเมือง” ที่เผยในรายการของ The Politics เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 มีเนื้อหาน่าใคร่ครวญสนใจไม่น้อย ดังนี้

กระชับพื้นที่ระบอบประยุทธ์

ในช่วงจังหวะขาลงของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใคร ๆ ก็ออกมาไล่ พล.อ.ประยุทธ์  ให้ยุบสภา เร็ว ๆ ฝ่ายค้านถือว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่เป็นฝ่ายค้าน แต่คนที่เคยอยู่ข้างเดียวกับรัฐ เช่น พรรคสร้างอนาคตไทย ของ สี่กุมาร ก็ยังแนะให้ พล.อ.ประยุทธ์ ยุบสภา สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ แกนนำพรรคสร้างอนาคตไทย ที่เปิดตัวว่า ไม่ได้เป็นพรรคอะไหล่ของ พล.อ.ประยุทธ์ ยังออกมาแนะนำการทำงานที่มีผลกระทบไปถึงระบบรัฐสภา เกิดปัญหาสภาล่มซ้ำซาก ผลเสียตกอยู่กับประชาชน ที่ระบบรัฐสภาไม่สามารถแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้ ไม่ควรให้เกิดปัญหาแบบล้มลุกคลุกคลาน ดังนั้นควรคืนอำนาจให้ประชาชน อย่าสะสมปัญหาของประเทศเอาไว้

แล้วปัญหาที่ลามออกมานอกสภา กลายเป็นปัญหาในพรรคด้วย เช่นเรื่องของกลุ่ม ส.ส.ธรรมนัส ที่มีมติพรรคขับออกจากพลังประชารัฐ มีสมาชิกพรรคจำนวนหนึ่งไปร้อง กกต. ขอให้ตรวจสอบว่ามติขับกลุ่ม ส.ส. ร.อ.ธรรมนัส ถูกต้องหรือไม่ กกต.รับลูกจะนำเข้าพิจารณาในวันที่ 14 ก.พ.นี้ทันทีรวดเร็วทันใจ

ปรากฏว่าอดีต กกต. ปัจจุบันเป็นสมาชิกพรรคเสรีรวมไทย สมชัย ศรีสุทธิยากร ฟันธงชัดเจน หาก กกต.มีมติว่าการขับ ส.ส.กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส.ส.ทั้ง 21 คน ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส.ทันที เหตุผลเพราะจะเป็นสมาชิกพร้อมกันทีเดียว 2 พรรค ไม่ได้ โดยเฉพาะ ส.ส.ที่ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคเศรษฐกิจไทย แล้ว

การเมืองคงได้ยุ่งเป็นฝอยขัดหม้อ เพราะหมายถึงว่า จำนวน ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ก็จะหายไป 21 เสียง ทำให้เป็น รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ทันที จะทำอะไรก็กลัว ๆ กล้า ๆ แล้วจะบริหารประเทศต่อไปอย่างไร คาราคาซังกันอยู่แบบนี้ ลากให้การเมือง อึมครึมถูลู่ถูกังกันไป

ก็มีข่าวตามมาอีกว่ ปรพล อดิเรกสาร อดีต ส.ส.สระบุรี ยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ตาม เสกสกล อัตถาวงศ์ ผช.รมต.ประจำสำนักนายกฯ ไปอยู่พรรคใหม่ที่เตรียมเอาไว้แล้ว ชื่อว่า รวมไทยสร้างชาติ ที่ไปยื่นจดทะเบียนพร้อมกับพรรคไทยเข้มแข็ง  ที่คาดว่าจะเอาไว้เป็นพรรคการเมืองสำรอง ที่กลุ่ม กปปส. และแรมโบ้ จะตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ โดยเฉพาะ

ประกอบกับข่าวที่ว่า พลังประชารัฐ จะส่ง ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ที่เป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรครวมพลังประชาชาติไทย ที่มี สุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นแกนนำ ชื่อ อนุสรี ทับสุวรรณ ทำให้คอการเมืองงงเป็นไก่ตาแตก กับการตัดสินใจของพลังประชารัฐ มองไปถึงการต่อรองอำนาจการตัดสินใจในพลังประชารัฐ ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทั้ง ๆ ที่มีการแบ่งอำนาจหน้าที่กันชัดเจน รมต.เป็นอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ ส.ส.เป็นอำนาจของ พล.อ.ประวิตร

ต่อมาพลังประชารัฐ ปฏิเสธข่าวการส่งผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ในขณะที่มีกระแสว่า พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง จะลงผู้ว่าฯ กทม.อีกสมัย และมีพลังประชารัฐให้การสนับสนุน ทำให้เกิดความสับสนไปใหญ่เพราะรู้ดีว่า พล.ต.อ.อัศวิน กับ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคอหอยกับลูกกระเดือก กรณีที่โหร ส.ว.วันชัย สอนศิริ ฟันธงว่า กลางปีรัฐบาลจะแตกหัก

นาทีนี้ไม่เชื่อไม่ได้แล้ว.

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts