“….ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่ง ! รับฟ้องคดี “ประหยัด พวงจำปา” อดีตรองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ฟ้อง ประธานกรรมการ ป.ป.ช. (พลตำรวจเอก วัชรพล ประสารราชกิจ) และคณะกรรมการ ป.ป.ช. กระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีความไม่โปร่งใส เนื่องจากเพิ่งเสนอชื่อผู้มีคุณสมบัติทั้ง 3 คน เข้าวาระการพิจารณาเพียงวันเดียว พออีกวันก็ประกาศรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกเลย ประกอบกับก่อนหน้านี้ นายประหยัดมีปัญหาฟ้องร้องกับบุคคลสองคนคือ ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. (พลตำรวจเอก วัชรพล ประสารราชกิจ) และ นางสาวสุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. ต่อศาลอาญาคดีทุจริตภาค 1 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติ หรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ตัดโอกาสเข้ารับการคัดเลือกเป็นเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. รวมถึงใช้มติขัดต่อกฎหมาย พ.ร.บ. ป.ป.ช. มาตรา 23 กรณีการชี้มูลคดีร่ำรวยผิดปกติ หวังสกัดกั้นไม่ให้กลับเข้ามารับราชการ …”
เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2566 ที่ศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ ศาลปกครองกลางนัดอ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขดำที่ บ.126/2565 คดีหมายเลขแดงที่ บ.188/2565 ระหว่าง นายประหยัด พวงจำปา อดีตรองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นผู้ฟ้องคดี กับ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. และคณะกรรมการ ป.ป.ช.ทั้งคณะ เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-2 คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
สำหรับคดีนี้ นายประหยัด ฟ้องว่า ประธานกรรมการ ป.ป.ช. กับพวกรวม 2 คน กระทำการไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีประธานกรรมการ ป.ป.ช. (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) มีคำสั่งให้เลือก นายนิวัติไชย เกษมมงคล ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. และเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) พิจารณาให้ความเห็นชอบ โดยในขณะนั้นนายประหยัด พวงจำปา ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งมีอาวุโสสูงสุด ได้สมัครเข้ารับการคัดเลือกดำรงตำแหน่ง เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามประกาศรับสมัครเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2564 ซึ่งมีผู้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเรียงตามลำดับคือ
1. นายประหยัด พวงจำปา ผู้ฟ้องคดี
2. นายนิวัติไชย เกษมมงคล และ
3. นายอุทิศ บัวศรี
โดยการสรรหาเลขาธิการ ป.ป.ช. ครั้งนั้น นายทินกร กาญจนจิตรา ประธานคณะกรรมการสรรหา ได้เห็นชอบเสนอชื่อทั้ง 3 รายซึ่งเป็นผู้เหมาะสม ต่อพลตำรวจเอก วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. วันที่ 23 สิงหาคม 2564 อย่างไรก็ตาม ในการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ครั้งที่ 122/2564 เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2564 เห็นชอบให้ นายนิวัติไชย เป็นผู้ได้รับการคัดเลือกเพื่อดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.
นายประหยัดในฐานะผู้สมัครแข่งขันอาวุโสสูงสุดมีความเคลือบแคลงว่าการคัดเลือกครั้งนี้มีความไม่โปร่งใส เนื่องจากเพิ่งเสนอชื่อผู้มีคุณสมบัติทั้ง 3 คน เข้าวาระการพิจารณาเพียงวันเดียว พออีกวันก็ประกาศรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกเลย นายประหยัดจึงทำหนังสือลงวันที่ 7 กันยายน 2564 อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีหนังสือลงวันที่ 12 ม.ค. 2565 ให้ยกคำขอของผู้ฟ้องคดีจึงนำคดีมาฟ้องดังกล่าว เนื่องจากนายประหยัดเห็นว่าการกระทำของ ประธานกรรมการ ป.ป.ช.และ กับพวกรวม 2 คน ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ประกอบกับก่อนหน้านี้ นายประหยัดมีปัญหาฟ้องร้องกับบุคคลสองคนคือ ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. (พลตำรวจเอก วัชรพล ประสารราชกิจ) และ กรรมการ ป.ป.ช.ทั้งคณะรวม นางสาวสุภา ปิยะจิตติ ต่อศาลอาญาคดีทุจริตภาค 1 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติ หรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล
ซึ่งเมื่อประธาน ป.ป.ช. และกรรมการ ป.ป.ช. เป็นคู่กรณีกับนายประหยัด ซึ่งเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งเลขาธิการ ป.ป.ช. จึงเป็นเหตุอาจทำให้การพิจารณาทางปกครอง คัดเลือกผู้ได้รับการสรรหา ซึ่งมีผู้ฟ้องคดี (นายประหยัด พวงจำปา) รวมอยู่ด้วย เป็นไปโดยอคติ ไม่มีความเป็นกลาง นายประหยัด จึงฟ้องคดีนี้ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อที่จะทวงความเป็นธรรมกลับคืน
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่ นายประหยัด ดำเนินการยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดต่อคู่กรณีอยู่นั้น นางสาวสุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะประธานไต่สวนคดีร่ำรวยผิดปกติ ได้มีการพิจารณาคดีร่ำรวยผิดปกติ และด่วนสรุปโดยมีมติที่อาจจะผิดกฎหมาย
โดยการสรุปสำนวนนำเสนอ ประธาน ป.ป.ช. (พลตำรวจเอก วัชรพล ประสารราชกิจ) เพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุมพิจารณาโดยองค์คณะ มี 8 คน รวมประธาน ป.ป.ช.ด้วย ปรากฏว่าการพิจารณาในครั้งนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ 4:4 โดยฝ่าย 4 เสียงแรกเห็นว่าไม่ชี้มูล เพราะทรัพย์สินดังกล่าว ไม่ใช่ของ นายประหยัด พวงจำปา และไม่ได้มาจากการปฎิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ หรือทุจริตต่อหน้าที่แต่อย่างใด ไม่มีเรื่องร้องเรียน หรือถูกกล่าวหาเรื่องใดๆ เลย ทรัพย์สินเป็นธุรกิจในครอบครัวคู่สมรส
ขณะอีก 4 เสียงที่เห็นว่าควรชี้มูลกลับมีชื่อ พลตำรวจเอก วัชรพล ประสารราชกิจ (ประธานกรรมการ ป.ป.ช.) รวมอยู่ด้วย ทั้งที่ข้อกฎหมาย พ.ร.บ. ป.ป.ช. มาตรา 23 กรณีการชี้มูลคดีร่ำรวยผิดปกติ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ต้องมีมติไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของกรรมการที่มีอยู่ (โดยไม่ควรรวมประธานการประชุม ซึ่งก็คือประธาน ป.ป.ช.) เหตุการณ์ดังกล่าวหากไม่รวมเสียงประธาน ป.ป.ช. จะเท่ากับว่ามีผู้ไม่ชี้มูล 4 เสียง ส่วนผู้ชี้มูลมีเพียง 3 เสียง ข้อกล่าวหานี้จะถือว่าตกไป แต่เมื่อรวมเสียงประธาน ป.ป.ช. ก็ยังมีคะแนนเสียงเท่ากัน แต่ผลสรุปกลับถือว่าชี้มูลเพื่อนำไปสู่มาตรา 122 วรรคท้าย ให้แจ้งคำวินิจฉัย ให้อำนาจผู้บังคับบัญชา แต่งตั้ง ถอดถอน ภายใน 30 วัน เพื่อสั่งลงโทษไล่ออกภายใน 60 วัน โดยไม่ตั้งกรรมการสอบวินัย แต่ได้มีคำสั่งประธานกรรมการ ป.ป.ช. ที่ 6/2565 ไล่ออกนายประหยัด พวงจำปา เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2565
ด้านนายประหยัดมองว่า เพื่อเป็นการสกัดกั้นไม่ให้นายประหยัด พวงจำปา กลับเข้ามารับราชการ
และคดีนี้ยังไม่ถึงที่สุด โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
“หากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษายกฟ้อง ผลจากที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติในคดีร่ำรวยผิดปกติ 4:4 ที่ขัดรัฐธรรมนูญ ปัจจุบันอัยการสูงสุดไม่ได้ฟ้องดำเนินคดีแต่อย่างใด และตั้งข้อไม่สมบูรณ์ในเรื่องดังกล่าว และนายประหยัด พวงจำปา ได้ดำเนินการฟ้องประธานกรรมการ ป.ป.ช. ต่อศาลปกครองกลาง ตามคดีหมายเลขดำที่ บ 364/2565 เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 เพื่อพิจารณา เพิกถอนมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ขัดรัฐธรรมนูญ และคำสั่งไล่ออกจากราชการที่ไม่ชอบดังกล่าว คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องติดตามว่า นายประหยัด พวงจำปา จะยืนหยัดต่อสู้ และได้รับความเป็นธรรมกลับคืนมาหรือไม่”
เพราะ นายประหยัด พวงจำปา มีระยะเวลารับราชการอีกเพียง 6 เดือน โดยจะเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายน 2566 ที่จะถึงนี้
และเมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2566 ที่ห้องพิจารณาคดี 10 ชั้น 3 อาคารศาลปกครอง ถ.แจ้งวัฒนะ กทม. ศาลปกครองกลางนัดอ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขดำที่ บ.126/2565 คดีหมายเลขแดงที่ บ.188/2565 ระหว่างนายประหยัด พวงจำปา อดีตรองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นผู้ฟ้องคดี กับประธานกรรมการ ป.ป.ช. และคณะกรรมการ ป.ป.ช.ทั้งคณะ เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-2 คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำสั่งกลับคำสั่งศาลปกครองชั้นต้น เป็นให้รับคำฟ้องในส่วนที่ฟ้องขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนมติของผู้ถูกฟ้องในคดีที่2 ในการประชุมครั้งที่ 122/2564 เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2564 ที่เห็นชอบให้ นายนิวัติไชย เกษมมงคล เป็นผู้ได้รับการคัดเลือกเพื่อดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไปตามรูปคดี
#สืบจากข่าว : รายงาน