ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อเวลา 04.00 น.วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 พล.ต.สราวุธ ไชยสิทธิ์ ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา สั่งการให้ พ.อ.ปิยะเณศร์ ภัทรศาศวัตวงษ์ ผู้บังคับการชุดควบคุมกรมทหารพรานที่12 (ผบ.ชค.กรม.ทพ.12นำกำลังกองร้อยทหารพรานที่ 1204 ร่วมกับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่112 (ฉก.ร.112) ออกลาดตะเวนป้องกันและสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายของแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา บริเวณท้ายหมู่บ้านกุดผือ ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว หลังสืบทราบว่าจะมีแรงงานกัมพูชาลักลอบเข้ามาในประเทศไทยตามช่องทางธรรมชาติ บริเวณชายแดนท้ายหมู่บ้านกุดผือ
ต่อมาชุดปฏิบัติการร่วมฯได้ตรวจพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยกลุ่มใหญ่ เดินเท้าฝ่าความมืดลักลอบข้ามตะเข็บชายแดนช่องทางธรรมชาติ จากฝั่งกัมพูชาเข้ามาในประเทศไทย ระหว่างจุดตรวจ จต.ส.41- จต.ส.42 แล้วเดินลัดเลาะมาตามไร่อ้อยของชาวบ้าน เพื่อข้ามถนนศรีเพ็ญ ซึ่งเป็นถนนเลียบแนวชายแดนท้ายหมู่บ้านกุดผือ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอตรวจสอบ แต่ถูกบุคคลคาดว่าเป็นคนไทยแก๊งลักลอบขนแรงงานเถื่อนชาวเขมรที่นำพาแรงงานกัมพูชาลักลอบเข้ามาในประเทศไทยใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิงใส่ 3-4 นัด
ทางเจ้าหน้าที่จึงวิทยุขอกำลังเสริมจาก ชค.ทพ.12 เมื่อกำลังเสริมมาถึงได้ทำการปิดล้อมและเข้าเคลียร์พื้นที่ พบแรงงานต่างด้าวชาวเขมรกลุ่มใหญ่พร้อมกระเป๋าสัมภาระนั่งหลบซ่อนอยู่บริเวณไร่อ้อยของชาวบ้าน จึงเข้าควบคุมตัวไว้ได้จำนวน 24 คน เป็นชาย 23 คน หญิง 1 คน ตรวจสอบไม่มีหนังสือเดินทาง หรือเอกสารอนุญาตทำงานในประเทศไทย จากนั้นได้ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายตามมาตรการป้องกันไวรัส โควิด-19 ก่อนควบคุมตัวทั้งหมดมาทำการซักถามที่กองร้อยทหารพรานที่1204 ต.โนนหมากมุ่น
“แรงงานกัมพูชาทั้งหมดรับสารภาพว่า เดินทางมาจาก จ.กำปงชนัง ประเทศกัมพูชา เพื่อจะไปทำงานในเรือประมงที่ จ.ระยอง โดยมีคนไทยมารับที่บริเวณชายแดน แล้วจะพาไปส่งที่ จ.ระยอง ขณะเดินเท้าเข้ามาในประเทศไทย ถูกทหารพรานตรวจพบ คนไทยที่นำพาได้ใช้อาวุธปืนพกสั้นไม่ทราบชนิดและขนาดยิงขึ้นฟ้า 3-4 นัด เพื่อเปิดทางหลบหนี โดยอาศัยความมืดสามารถหลบหนีไปได้ แต่แรงงานเขมรทั้ง 24 คน ไม่รู้เส้นทางและพื้นที่ จึงนั่งหลบซ่อนตัวอยู่บริเวณไร่อ้อย จนถูกเข้าจับกุมได้”
จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวชาวเขมรทั้ง 24 คน ไปส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.โคกสูง จ.สระแก้ว ดำเนินคดี พร้อมทั้งให้เร่งสอบสวนขยายผลจับกุมคนไทยผู้นำพาที่ยิงปืนใส่ชุดจับกุม มาดำเนินคดีให้ได้
