เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 10 เม.ย. ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. ตัวแทนผู้เสียหายกว่า 20 คน แจ้งความกองปราบ กรณีโดนบริษัทจัดสรรที่ดินชื่อดังโกง ร่วมกันทำจัดสรรที่ดินขายที่ จ.เชียงใหม่ จ.ลำพูน รวม 10 โครงการ แต่ไม่มีที่ดินจริงให้กับลูกค้าที่มาซื้อที่ดิน มีผู้เสียหายเกือบ 1,000 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท
นายนัตถ์ธนินทร์ สินเจริญ อายุ 51 ปี น.ส.กุลริสา มูณละศรี อายุ 39 ปี พร้อมด้วยตัวแทนกลุ่มผู้เสียหายกว่า 20 คน เดินทางเข้าพบ พงส.บก.ป.แจ้งความดำเนินคดีกับ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และ ลำพูน หลังถูกหลอกขายที่ดินทิพย์ผ่อนฟรีไม่มีโฉนดอยู่จริงให้ จนสูญเงินรวมกันหลายล้านบาท โดยนำหลักฐานเป็นเอกสารสัญญาการซื้อขาย สลิปการโอนเงิน และเอกสารอื่นๆ มามอบให้กับพนักงานสอบสวนประกอบการพิจารณา
นายนัตถ์ธนินทร์ กล่าวว่า เมื่อปี 64 บริษัทดังกล่าวลงโฆษณาประกาศขายที่ดินจัดสรรราคาถูกจำนวนหลายโครงการในพื้นที่ อ.สันกำแพง และ อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ประกอบกับเห็นว่าบริษัทดังกล่าวสามารถให้ลูกค้าผ่อนผ่านบริษัทได้ โดยไม่ต้องผ่านธนาคาร รวมถึงมีโปรโมชั่นดอกเบี้ย 0 เปอร์เซ็นต์ นาน 3 ปี และ จะมีการจัดทำระบบสาธารณูปโภค น้ำ ไฟฟ้า ในพื้นที่ภายใน 3 เดือน อีกทั้งยังมีที่ตั้งสำนักงานเป็นหลักแหล่ง จึงเกิดสนใจ ติดต่อขอซื้อที่ดินจัดสรรกับบริษัทดังกล่าว จำนวน 50 ตารางวา มูลค่า 3.5 แสนบาท พร้อมวางเงินดาวน์จำนวน 40 เปอร์เซ็นต์ของราคาที่ดิน แต่พอผ่อนส่งค่างวดไปได้ 6-7 เดือน บริษัทกลับไม่ยอมทำตามข้อตกลงที่ให้ไว้หลายเรื่อง และ ไม่มีการรางวัดที่ดินให้ชัดเจน จึงเริ่มเอะใจตรวจสอบกับกรมที่ดินจึงรู้ว่า ผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินผืนดังกล่าวและอีกหลายๆ แปลงนั้น ไม่ใช่บริษัทดังกล่าวแต่อย่างใด และ ยังมีบางแปลงที่เจ้าของเดิมซึ่งไม่ใช่บริษัทดังกล่าว ได้ขายต่อให้กับคนอื่นไปแล้ว
ด้าน น.ส.กุลริสา กล่าว ตนเองก็เป็นหนึ่งในผู้เสียหาย ซื้อที่ดินจัดสรรผ่านบริษัทดังกล่าวจำนวน 250 ตารางวา มูลค่าเกือบ 2 ล้านบาท ผ่อนชำระไปแล้วเป็นเงิน 1.2 ล้านบาท ก่อนจะมาทราบภายหลังว่าโฉนดที่ดินเป็นของบุคคลอื่นซึ่งไม่ใช่ของบริษัทตามที่กล่าวอ้าง และ ยังมีการนำหน้าโฉนดที่ดินผืนเดียวกันไปหลอกขายให้กับคนอื่นอีก เมื่อทวงถามขอเงินคืนก็ถูกบ่ายเบี่ยง ประวิงเวลาเรื่อยมา จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้เงินกลับคืนแม่แต่บาทเดียว อีกทั้งยังทราบว่านอกจากตนเองและยังมีผู้เสียหายรายอื่นตกเป็นเหยื่อลักษณะเดียวกันรวมกว่า 1 พันคน มูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 50 กว่าล้านบาท ในวันนี้ตนและผู้เสียหายรายอื่นๆเฉพาะกลุ่มของตน จึงรวมตัวมาเข้าแจ้งความเอาผิดกับบริษัทดังกล่าว ในฐานความผิด ”ฉ้อโกงประชาชน” เพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้ตกเป็นเหยื่อเพิ่มขึ้นอีก
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แนะนำผู้เสียหายให้กลับไปแจ้งความท้องที่ก่อน จากนั้นรวบรวมผู้เสียหายเสนอ ผบก.จว.นั้นว่าจะดำเนินคดีเองหรือโอนให้ บช.ก.ทำ และแนะนำให้ผู้เสียหายทุกรายลงแจ้งความ thaipoliceonline.com อีกช่องทางหนึ่ง เพื่อฐานข้อมูลผู้เสียหายและมูลค่าความเสียหายทั้งหมดจะปรากฎที่ส่วนกลางในการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป