กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป. พ.ต.ท.สมบัติ มีมงคล รอง ผกก.6 บก.ป. พ.ต.ท.ศิลป์ชัย ถวัลย์ภิญโย รอง ผกก.6 บก.ป. พ.ต.ท.กันตเมศฐ์ อัครโชควรานนท์ รอง ผกก.6 บก.ป. พ.ต.ท.วริศร มัจฉา รอง ผกก.6 บก.ป. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.ทศพล กิติลาภ สว.กก.6 บก.ป. ร.ต.อ.ไตรรงค์ หน่วยตุ้ย ร.ต.อ.นพดา ณัทณพงศ์ ร.ต.ต.กัมพล มณีพรหม ร.ต.ต.ชัยยุทธ์ พรหมจินดา รอง สว.กก.6 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 บก.ป.
ร่วมกันจับกุม นายสุรินทร์ (สงวนนามสกุล) อายุ 56 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนาทวี ที่ 255/2556 ลงวันที่ 9 ต.ค.2556 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ความผิดต่อชีวิต (พยายามฆ่าผู้อื่น)” โดยจับกุม เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2565 เวลา 15.50 น. ที่บริเวณ ไซต์งานก่อสร้างแห่งหนึ่ง ตำบลสะเดา อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา
สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2550 เวลาประมาณ 02.30 น. นายสุรินทร์ได้ร่วมกับเพื่อนอีก 2 คน ใช้อาวุธปืนพกสั้น ยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สังกัดกองร้อย ตชด.ที่ 437 (สะเดา) จำนวน 3 นาย ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในรถยนต์ กระสุนถูกที่บริเวณลำตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 นาย ได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งต่อมานายสุรินทร์และพวกรวม 3 คน ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจจับกุมตัวได้ และต่อสู้คดีในชั้นศาลเรื่อยมาจนถึงชั้นศาลฎีกา นายสุรินทร์ได้ใช้หลักทรัพย์ เป็นเงินสด 800,000 บาท ซึ่งต่อมาภายหลังในชั้นฎีกา ศาลได้พิพากษานายสุรินทร์ต้องโทษ จำคุก 6 ปี 8 เดือน ส่วนผู้ร่วมก่อเหตุรายอื่นๆ ต้องโทษ จำคุก 7 ปี นายสุรินทร์ได้หลบหนีไปโดยไม่มาฟังคำพิพากษาศาล ศาลจึงได้ออกหมายจับ นายสุรินทร์
ประกอบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 บก.ป. ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ ว่านายสุรินทร์ซึ่งรู้จักกันในพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา ว่า “หลวงริน” หรือ “บ่าวริน” มีพฤติกรรมทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล และทำธุรกิจผิดกฎหมายในพื้นที่ และที่ผ่านมาเคยก่อคดี มีหมายจับติดตัว แต่ยังไม่มีเจ้าหน้าที่หน่วยงานใดจับกุมได้ นอกจากนี้นายสุรินทร์ยังเป็นคนที่มีความชำนาญพื้นที่ เป็นคนกว้างขวาง ในพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา จึงสามารถหลบหนีการจับกุมได้ทุกครั้ง
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 บก.ป. จึงได้ทำการสืบสวน จนทราบว่านายสุรินทร์ถูกศาลออกหมายจับไว้ เนื่องจากเหตุดังกล่าวข้างต้นจริง โดยหนีคดีมาประมาณ 9 ปี แล้ว (นับตั้งแต่ถูกศาลออกหมายจับ) และหมายจับใกล้จะขาดอายุความแล้ว ในวันที่ 9 ต.ค.2566 หรืออีกประมาณ 1 ปีเศษ จึงได้ออกสืบสวนหาข่าวเพื่อติดตามจับกุม นายสุรินทร์ เรื่อยมา จนกระทั่งเมื่อวันที่ 18 ก.พ.2565 ได้สืบทราบว่านายสุรินทร์ ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และจะลงมาคุมงานด้วยตนเอง จึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบนายสุรินทร์อยู่บริเวณไซต์งานก่อสร้างแห่งหนึ่ง ต.สะเดาอ.สะเดา จ.สงขลา จึงได้แสดงตัว เข้าทำการจับกุม โดยนายสุรินท์หรือบ่าวริน รับว่าตนเป็นบุคคลตามหมายจับนี้จริง และยังไม่เคยถูกจับกุมตามหมายจับนี้มาก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จับกุมตัวนายสุรินทร์นำส่งศาลจังหวัดนาทวี จว.สงขลา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามผู้ต้องหารับว่าได้ร่วมกับพวกอีก 2 คน ก่อเหตุยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด.จริง โดยพวก 2 คนได้ไปฟังคำพิพากษาก่อนถูกพาตัวไปคุมขังทันที
ส่วนตนนั้นพิจารณาแล้วคิดว่าน่าจะติดคุกแน่จึงตัดสินใจทิ้งเงินประกัน 800,000 บาทไม่ไปฟังคำพิพากษาฏีกาและหลบหนีไปกบดาน โดยเวลาที่เหลืออีก 1 ปีเศษ ไม่คิดว่าจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาติดตามตัวแล้ว จึงลดความระวังและออกมาประกอบอาชีพรับเหมาก่อสร้าง จนกระทั่งถูกจับกุมได้ในวันนี้