เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 16 มิ.ย. ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม.
นางพนิดา ศิริยุทธโยธิน พร้อมทนายความ เดินทางมาที่กองบังคับการปราบปราม เพื่อแจ้งความดำเนินคดี กับ 1 ในผู้ต้องหาแก๊งสปีดโบ๊ท หลังพบข้อมูลว่ามีการนำบัตรเครดิตของแตงโม ไปใช้รูดซื้อสินค้า หลังแตงโมตกเรือ เสียชีวิต
โดยนางพนิดา เปิดเผยกับสื่อมวลชนก่อนแจ้งความกับพนักงานสอบสวนว่า ตนพบข้อมูลว่า 1 ในผู้ต้องหา ซึ่งเป็นคนสนิทของแตงโมนำบัตรเครดิตไปใช้ ในช่วงเวลาที่หน่วยกู้ภัยกำลังค้นหาร่างหลังแตงโมตกเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาถึง 3 ครั้ง ในรอบ 3 วัน อีกทั้งยังพบว่ามีการรับเงินจากกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุ ที่ยกผลประโยชน์ให้กับบุตรสาวบุญธรรม ซึ่งเป็นลูกสาวแท้ๆของผู้จัดการแตงโม (กระติก) มูลค่า 1 ล้านบาท จากบริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่งไปแล้ว ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตนได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอรับส่วนแบ่งจากกรมธรรม์ในฐานะมารดา 50 % แต่ระหว่างคดีอยู่ในชั้นศาลปรากฏว่ามารดาของบุตรบุญธรรม (กระติก) ได้รับเงินดังกล่าวไปแล้ว
นางพนิดา ระบุว่า กรณีการนำบัตรเครดิตของแตงโมไปรูดซื้อสินค้าหรือกระทำการใดๆ มิควรเกิดขึ้น เพราะเป็นทรัพย์สินส่วนบุคคล พร้อมตั้งข้อสงสัยว่าทำไมบัตรเครดิตไปอยู่ในมือของผู้ต้องหาได้ และที่สำคัญการรูดใช้บัตร เป็นช่วงที่แตงโมตกเรือไปแล้ว อีกทั้งกรณีการเซ็นต์รับเงินกรมธรรม์ประกันชีวิตทั้งที่คดียังอยู่ในชั้นศาล และยังเป็นข้อพิพาทอยู่ก็ไม่ควรเกิดขึ้น ซึ่งการกระทำดังกล่าวส่อเจตนาไปทางที่มิชอบ จึงปรึกษากับทนายความ และเห็นชอบนำเรื่องดังกล่าวมาแต้งความดำเนินคดีที่กองปราบปราม
อย่างไรก็ตาม นอกจากคดีนี้แล้ว นางพนิดายังระบุว่า พบหลักฐานใหม่เป็นคลิปเสียงจากกล้องหน้ารถคันหนึ่งหลังแตงโมเสียชีวิต พบการสนทนาระหว่าง 1 ในผู้ต้องหากับบุคคลภายนอก เป็นการเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และความเป็นมาทั้งหมด ซึ่งจากข้อความดังกล่าวพบพฤติกรรมบางอย่างส่อเจตนาได้ว่า 1 ในผู้ต้องหาแก๊งสปีทโบ๊ท มีเจตนาฆ่าแตงโม หวังผลประโยชน์ ดังนั้นตนและทนายความจะยื่นคำร้องต่อศาล จ.นนทบุรี ขอรื้อคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่จากคดีประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เป็นคดีฆาตกรรม ส่วนการยื่นคำร้องต่อศาลเมื่อไหร่จะแจ้งให้สื่อมวลชนทราบอีกครั้ง