จากกรณีที่ ผู้เสียหายเข้าพักโรงแรมและรีสอร์ท แห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี เมื่อ 26 เม.ย. ที่ผ่านมาแล้วถูกคนร้ายใช้ช่องพิเศษ ที่เปิดเข้าได้จากด้านนอก ที่เรียกว่า”ช่องพาเมียน้อยหนีเมียหลวง”เข้ามาโจรกรรมทรัพย์สินภายในห้องพัก VIP 1 และ VIP 2 ได้ทรัพย์สินไปรวมมูลค่ากว่า 700,000 บาทโดยทางโรงแรมปฏิเสธความรับผิดชอบ ก่อนเข้าแจ้งความ พงส.สภ.เมือง กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 27 เม.ย.
ล่าสุดเมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 20 มิ.ย. ที่ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ชั้น 1 อาคารบี ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ นายปิยณัฐ สุกยัง ทนายความ ทีมงานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ได้พา นายภิญโญ บุญวงศ์ อายุ 48 ปี และนางปราณี ลิขิตวัฒนชัย สองสามีภรรยาที่เป็นผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายแอบเข้ามาลักทรัพย์เงินสด 7,400 บาทจากกระเป๋าไป เข้าร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่ สคบ.ขอความช่วยเหลือเจรจากับทางโรงแรม ที่ยังปฏิเสธความรับผิดชอบ อ้างว่าขอให้รอผลทางคดีจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน ซึ่งเวลาผ่านมากว่า 2 เดือนแล้ว
นายภิญโญ และนางปราณี เปิดเผยว่า ปกติตนมาทำธุระในเมืองก็จะมาพักที่โรงแรมแห่งนี้ เลือกห้องนี้ประจำใช้บริการมานานกว่า 2 ปีแล้ว ไม่เคยมีเรื่องหรือเกิดปัญหาใดๆ ค่าห้องคืนละ 600 บาท ที่เลือกใช้บริการพักที่นี่เพราะสะอาด สงบเงียบดี ลูกจักเด็กที่ให้บริการทุกคน ห้องพักที่เราใช้เป็น V1 (VIP 1) มีประตูเข้าออกประตูเดียว และไม่มีหน้าต่าง ไม่เคยรู้มาก่อนว่ากระจกที่ติดอยู่ในห้องจะเป็นช่องลับพิเศษ ทำขึ้นมาเพื่อให้คนพาเมียน้อยหรือสาวไซด์ไลน์มาใช้บริการและพาหนีถ้าเกิดเมียหลวงตามมาที่โรงแรมเลย เพิ่งจะมารู้ก็ตอนเกิดเหตุถูกลักเงินในกระเป๋าไป 7,400 บาทนี่เอง ตนได้สอบถามกับ รปภ.ของโรงแรมรีสอร์ทว่าถ้า เกิดเหตุเมียหลวงบุกมาที่ห้องพักแล้วจะทำยังไงเพราะเปิดจากข้างในไม่ได้ รอปอพอก็บอกว่าต่อพวกผมนี่แหละที่คอยสังเกตว่าถ้าเมียหลวงมาก็จะรีบไปถอดกลอนช่องนี้ฯ เปิดให้พาเมียน้อยออกไปก่อนเมียหลวงบุกเข้ามาเจอในห้อง
วันนี้ได้นำบันทึกประจำวัน,ภาพถ่ายรอยเท้าคนร้ายที่ปืนคอมเพลสเซอร์แอร์, ภาพถ่ายช่องพาเมียน้อยหนี ทั้งด้านในและด้านนอก มามอบให้เจ้าหน้าที่ สคบ.ใช้เป็นหลักฐานประกอบในการเจรจาเรียนร้องให้ทางโรงแรมชดใช้ค่าเสียหาย ส่วน ผู้เสียหายอีกคู่สามีภรรยาคนสงขลา พักอยู่ห้อง V2 เสียหายทรัพย์สินไปเป็นจำนวน 700,000 กว่าบาท ก็ติดต่อสอบถามตนเรื่อยๆ ถึงความคืบหน้าของคดี หน้าห้องพักตน รปภ.ก็อยู่ตรงนั้นแต่ไม่มีใครได้ยินหรือเห็นเหตุการณ์เลยวงจรปิดก็ติดเฉพาะด้านหน้าเท่านั้น ด้านหลังที่เป็นช่องพาเมียหนี เมียหลวงก็ไม่มีวงจรปิดติดตั้ง ช่องนี้จะมีกลอนล็อคจากด้านนอกสามารถเปิดเข้ามาได้ สอบถามทางโรงแรมก็บอกต้องรอตำรวจจับคนร้ายให้ได้ก่อน
หลังเกิดเหตุครั้งนี้แล้วตนตอนนี้พยาไม่กลับไปใช้บริการพักที่โรงแรมรีสอร์ทแห่งนี้อีกเลย ไปพักบ้านญาติแทน
ด้านทนายเจ ปิยณัฐ กล่าวว่าในกรณีนี้ผู้เข้าพักถือว่า เป็นผู้บริโภค ทางโรงแรมหรือรีสอร์ทหรือเป็นผู้ให้บริการ หรือผู้ประกอบการเพราะฉะนั้นอยู่ในอำนาจของ สคบ. เคสนี้ ทางโรงแรมประมาทเลินเล่อ เพราะหนึ่งช่องทางที่สามารถเปิดจากทางด้านนอก ทำให้คนร้ายสามารถเข้าไปขโมยของทรัพย์สินผู้พักภายในห้องได้ หากช่องนี้ไม่ได้ใช้งานจริงๆ ก็ควรที่ปิดล็อคให้แน่นหนา กรณีนี้ไม่ใช่เกิดจากคนร้ายที่มาจากภายนอก อันนี้เป็นช่องโหว่ที่ทางโรงแรมจะต้องรับผิดชอบ ตามกฎหมายแม้จะเขียนประกาศว่ารับผิดชอบไม่เกินวงเงิน 5,000 บาท ต้นเห็นว่ากรณีนี้ทางโรงแรมควรจะต้องรับผิดชอบเต็มจำนวนความเสียหายที่เกิดขึ้น ไม่ต้องรอผลทางคดีจากตำรวจเลยสามารถที่จะชดใช้เงินค่าเสียหายให้กับลูกค้ารายนี้ได้ทันที ที่ผ่านมาร้อง สคบ.นี้เพื่อที่จะให้ส่วนกลางส่งเรื่องไปยัง สคบ.กาญจนบุรี เจรจาไก่เกียกับทางโรงแรมรีสอร์ทแห่งนี้ ในการชดใช้ค่าเสียหายคืน ซึ่งเงินไม่ใช่จำนวนมากแต่เป็นเงินที่ได้จากผู้เสียหายนำของเก่าไปขายเพื่อที่จะเอามาลงทุนทางด้านการเกษตรประกอบอาชีพ มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินจำนวนนี้
กฎกระทรวงที่ออกตาม พ.ร.บ.โรงแรมฯ ระบุว่าทางโรงแรมจะต้องรักษาความปลอดภัยให้ การที่ ทางโรงแรมจัดทำช่องแบบนี้ที่มีชื่อว่า”ช่องพาเมียน้อยหนีเมียหลวง”แบบนี้ตนมองเห็นว่าเป็นเรื่องของความไม่ปลอดภัย พี่ดูแลกฎกระทรวงหรือควบคุม กฎหมายโรงแรมควรที่จะเข้าไปตรวจสอบ และช่องนี้ที่บอกว่า หาเมียน้อยหนีหรือถ้าเด็กไซด์ไลน์เข้ามาส่ง ให้บริการนั่นหมายความว่า โรงแรมรีสอร์ทของคุณนั้นให้ใช้ห้องพักผิดวัตถุประสงค์ เป็นการใช้เพื่อบริการทางเพศ ซึ่งไม่สามารถที่จะทำได้ ถือว่ามีความผิดตามกฏหมายโรงแรม
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ สคบ.เรื่องร้องเรียนสอบปากคำผู้เสียหายที่มาร้องทุกข์และดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
///////////