วันอังคาร, พฤษภาคม 7, 2024
หน้าแรกไม่มีหมวดหมู่ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ซ้อนแผนรวบยกแก๊งมิจฉาชีพหลอกเช่ารถไปจำนำ

Related Posts

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ซ้อนแผนรวบยกแก๊งมิจฉาชีพหลอกเช่ารถไปจำนำ

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. , พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. , พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป., พ.ต.ท.วริศร มัจฉา รอง ผกก.6 บก.ป., พ.ต.ท.ทศพล กิติลาภ, ร.ต.อ.อนุวัฒน์ ณ ปัตตานี, ร.ต.ท.กัมพล มณีพรหม, ร.ต.ท.ชัยยุทธ์ พรหมจินดา รอง สว.กก.6 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 บก.ป. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลสงขลา


ร่วมกันจับกุม
1.นายเลิศศักดิ์ฯ อายุ 61 ปี ผู้ต้องหา ตามหมายจับของ ศาลจังหวัดเวียงสระที่ 129/2566
ลง 25 พฤษภาคม 2566 โดยต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง”
2.นางหนึ่งฤทัยฯ อายุ 41 ปี ผู้ต้องหา ตามหมายจับของ ศาลจังหวัดเวียงสระที่ 130/2566
ลง 25 พฤษภาคม 2566 โดยต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง”
วันเวลาและสถานที่จับกุม สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
พฤติการณ์ เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 บก.ป.ได้รับการประสานจากเจ้าของบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นบริษัทรถเช่าใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ว่ามีชายชื่อ นายเลิศศักดิ์ฯ อายุ 61 ปี มาติดต่อขอเช่ารถเก๋ง ฮอนด้าซีวิค ป้ายแดง สีขาว เป็นเวลา 3 วัน ค่าเช่าวันละ 900 บาท จากการพูดคุยพบว่านายเลิศศักดิ์ฯ มีลักษณะพิรุธต้องสงสัย คล้ายจะเป็นมิจฉาชีพ จึงได้ประสานงานมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 บก.ป. เพื่อให้ช่วยตรวจสอบ

จากการตรวจสอบพบว่า นายเลิศศักดิ์ฯ เป็นหนึ่งในแก๊งหลอกเช่ารถมาจำนำ โดยเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดเวียงสระที่ 129/2566 ลง 25 พฤษภาคม 2566 ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง” จึงได้นัดแนะกับทางบริษัทรถเช่า เพื่อทำการซ้อนแผนจับกุม โดยนายเลิศศักดิ์ฯ แจ้งว่าจะโดยสารรถไฟมาลงที่สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ ในเวลาประมาณ 14.00 น. และนัดส่งมอบรถกันที่บริเวณหน้าสถานีรถไฟหาดใหญ่

ก่อนถึงเวลานัดหมายเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังบริเวณโดยรอบสถานีรถไฟหาดใหญ่ จากการเฝ้าสังเกตพบบุคคลที่มีพฤติกรรมมีพิรุธต้องสงสัย จำนวน 4 คน โดยหนึ่งในนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพบมีบุคคลลักษณะคล้ายนายเลิศศักดิ์ฯ โดยหลังจากที่เฝ้าดูพฤติกรรมเป็นเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง กลุ่มผู้ต้องสงสัยซึ่งดูเหมือนระวังตัวตลอดเวลา มีการจับคู่กันเดินวนเวียนไปมาบริเวณสถานีรถไฟหาดใหญ่ และแยกกันยืนเฝ้าสังเกตการณ์ดูความผิดปกติ ซึ่งระหว่างรอนัดหมายรับรถยนต์ นายเลิศศักดิ์ฯ ก็ไม่ได้แสดงตัวติดต่อรับรถกับผู้แทนบริษัทแต่อย่างใด และไม่สามารถติดต่อได้ หลังจากเฝ้ารอสักครู่ใหญ่ กลุ่มคนต้องสงสัยได้เดินไปรอขึ้นรถไฟเพื่อที่จะเดินทางกลับ จ.สุราษฎร์ธานี
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวเข้าตรวจสอบบุคคลต้องสงสัยทั้ง 4 คน พบนายเลิศศักดิ์ฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับ อยู่ในกลุ่มดังกล่าว พร้อมแสดงหมายจับให้ นายเลิศศักดิ์๋ฯ ดู จากการตรวจสอบบุคคลที่เหลือ พบนางหนึ่งฤทัยฯ เป็นหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการ และมีหมายจับในคดีเดียวกันติดตัว เป็นหมายจับศาลจังหวัดเวียงสระที่ 130/2566 ลง 25 พฤษภาคม 2566 ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง” ส่วนหญิงอีก 2 คนตรวจสอบไม่พบหมายจับ จากนั้นจึงได้จับกุมตัว นายเลิศศักดิ์ฯ และนางหนึ่งฤทัยฯ จากนั้นควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสอง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ในชั้นจับกุมทั้งสองรับสารภาพว่า ได้ร่วมกันกับหญิงสาวอีก 2 คนที่เจ้าหน้าที่พบขณะจับกุม รวมทั้งแก๊งมี 4 คน ออกอุบายเพื่อเช่ารถยนต์จากผู้เสียหายจริง โดยหลังจากได้รถยนต์แล้ว จะนำรถไปจำนำกับบ่อนการพนันใน จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อนำเงินมาแบ่งกัน ส่วนหญิงสาวอีก 2 คน ที่ยังไม่พบว่ามีหมายจับ แต่กับรับว่าเป็นแก๊งเดียวกับผู้ต้องหาทั้งสอง และเคยร่วมกันก่อเหตุในลักษณะนี้มาแล้วจำนวนหลายครั้ง ทั้งในพื้นที่ จ.นครปฐม, จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.สงขลา โดยผู้เสียหายได้แจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีไว้ที่ สภ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี

โดยจากการสอบถามเหตุผลที่กลุ่มผู้ต้องหาพาพวกมาพร้อมกันหลายคน ก็เพื่อจะทำให้เจ้าของรถตายใจ โดยกลุ่มผู้ต้องหาจะแบ่งหน้าที่กัน โดยให้หญิงทั้ง 3 จะสลับกันเป็นคนติดต่อหาร้านเช่ารถ และตกลงเรื่องการเช่ากับเจ้าของร้าน หลังจากตกลงจะเช่ารถยนต์ได้แล้ว นายเลิศศักด์ฯ จะเป็นผู้มารับรถยนต์ โดยก่อนรับรถ ทั้งหมดจะช่วยกันเดินดูลาดเลาบริเวณโดยรอบก่อน เนื่องจากกลัวจะถูกจับกุม เมื่อดูว่าปลอดภัยแล้วจึงจะแสดงตัวรับรถยนต์ โดยจะเลือกเช่ารถใหม่ป้ายแดง ที่จำนำได้ราคาสูง และเหตุผลที่เลือกมาเช่ารถในพื้นที่หาดใหญ่ เพราะสะดวกในการเดินทางมารับรถด้วยรถไฟ และอีกอย่างเงินมัดจำก็ราคาไม่สูงจนเกินไป โดยเงินที่ได้จากการเอารถไปจำนำ พวกตนจะแบ่งกันนำไปเล่นการพนัน และชำระหนี้สินที่มีล้นพ้นตัว โดยหลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการขยายผล โดยได้ทำการประสานให้ผู้เสียหายที่เคยถูกแก๊งนี้หลอกเช่ารถไปจำนำ เข้าชี้ตัวผู้ร่วมก่อเหตุคนอื่นๆ เพื่อขอศาลออกหมายจับดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จึงฝากเตือนภัยมายังผู้ประกอบการซึ่งประกอบกิจการให้เช่ารถยนต์ ให้ระมัดระวัง และสอบถามรายละเอียดผู้เช่ารถ รวมถึงติดอุปกรณ์ติดตามรถยนต์เพื่อความปลอดภัย และหากสงสัยว่าผู้เช่าจะเป็นกลุ่มมิจฉาชีพ สามารถติดต่อประสานขอความช่วยเหลือได้ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ทุกหน่วยงาน

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts