ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.อภิชน เจริญผล รอง ผบก.บก.ปอศ., ว่าที่ พ.ต.อ.ธีรภาส ยั่งยืน ผกก.กก.3 บก.ปอศ., พ.ต.ท.นนทพัทธ์ ยอดแก้ว, พ.ต.ท.ภาสกร นภาโชติ และ พ.ต.ท.ณธัชพงศ์ สินสิริยานนท์ รอง ผกก.กก.3 บก.ปอศ.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.วรพจน์ ลลิตจิรกุล สว.กก.3 บก.ปอศ. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอศ.
ร่วมกันจับกุม นายกนกชัย ฯ อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรสาคร ที่ จ.183/2565 ลง 1 ส.ค. 65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง, นำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
สถานที่จับกุม บริเวณริมถนนหน้าร้านอาหาร ซ.ริมคลองประปาฝั่งขวา แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กทม.
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากผู้เสียหายหลายราย รวมตัวกันมาร้องทุกข์กับตำรวจสอบสวนกลาง(CIB) เพื่อดำเนินคดีกับ นายกนกชัยฯ ผู้ต้องหา เนื่องจากมีพฤติการณ์โพสต์ขายรถไถฃแบบหลุดจำนำลงในเฟซบุ๊ก ในราคา 555,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด โดยหลังจากผู้เสียหาย ได้ชำระค่ารถไถดังกล่าวแล้ว ผู้ต้องหากลับปิดช่องทางติดต่อทางเฟซบุ๊ก ไม่สามารถติดต่อได้
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอศ. จึงได้สืบสวนมาจนทราบว่า ผู้ต้องหาจะมางานวันเกิดของเพื่อนสนิทที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ย่านริมคลองประปา แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ จึงลงพื้นที่ไปตรวจสอบและพบผู้ต้องหาขณะกำลังเดินทางมาที่ร้านอาหารดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าแสดงตัวและจับกุมตัว ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้จากการตรวจสอบประวัติ พบว่า นายกนกชัยฯ ผู้ต้องหารายนี้ มีประวัติคดีฉ้อโกง จำนวนมาก อาทิ เมื่อปี2562 มีประวัติหลอกผู้เสียหายว่าสามารถพาไปทำงานที่ต่างประเทศได้ โดยมีการแอบอ้างบริษัทที่ประกอบธุรกิจที่ถูกต้อง, เมื่อปี 2564 มีการหลอกลวงให้ผู้เสียหายลงทุนซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Bitcoin) ซึ่งครั้งนั้น ผู้ต้องหาได้เงินไปจำนวนกว่าล้านบาท ทั้งนี้ หากประชาชนท่านใดพบว่าเคยถูกผู้ต้องหารายนี้ฉ้อโกงสามารถแจ้งความดำเนินคดีหรือแจ้งเบาะแสเพิ่มเติมได้ทันที
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เตือนภัย ไปยังพี่น้องประชาชนว่า ปัจจุบันการหลอกลวงผ่านระบบออนไลน์มีการพัฒนารูปแบบที่หลากหลาย มักจะแอบอ้างหลายรูปแบบ เช่นการซื้อของออนไลน์ที่มีราคาถูก การลงทุนในรูปแบบต่างๆเพื่อให้ได้ผลตอบแทน ผู้มีชื่อเสียงหรือหน่วยงานราชการ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ โดยท้ายสุดของกระบวนการหลอกลวงจะให้ผู้เสียหายส่งเงินจำนวนน้อยให้คนร้ายเพื่อแลกกับผลประโยชน์จำนวนมาก ซึ่งขัดกับหลักความจริง จึงขออย่าได้หลงเชื่อ ทั้งนี้ หากท่านมีเบาะแส ในเรื่องดังกล่าว สามารถแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนท้องที่เกิดเหตุ ใกล้บ้านท่าน หรือแจ้งเบาะแสมายังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ว่าที่ พ.ต.อ.ธีรภาส ยั่งยืน ผกก.3 บก.ปอศ. โทร. 08-58289599