กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส., พ.ต.อ.อริยพล สินสอน รอง ผบก.ปทส., พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา รอง ผบก.ปทส., พ.ต.อ.วิศิษฐ์ พลบม่วง ผกก.1 บก.ปทส., พ.ต.ท.กษิดิ์เดช เจริญลาภ, พ.ต.ท.เอกพล ปัญจมานนท์ รอง ผกก.1 บก.ปทส.
อี้ แทนคุณ กัดไม่ปล่อย ดอดพบตำรวจสอบสวนกลาง จี้ตามความคืบหน้าคดีประสิทธิ์ เจียวก๊ก ตุ๋นเงินประชาชน
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 21 ก.ค. ที่ บช.ก. (กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง)นายแทนคุณ จิตต์อิสระ อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปอศ. และ บก.ป. เพื่อสอบถามติดตามความคืบหน้าคดีต่างๆ ของ นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ฉ้อโกงประชาชน จากการหลอกลวงชาวบ้านร่วมลงทุน
นายแทนคุณ กล่าวว่า วันนี้มาติดตามด้วยกันทั้งหมด 3 เรื่อง โดยเรื่องแรก อยากทราบแนวทางการดำเนินการกฎหมายหลังศาลมีคำสั่งตัดสินจำคุกนายประสิทธิ์ 1,155 ปี ให้ชดใช้เงินแก่ผู้เสียหายจำนวน 145 ล้านบาท ในคดีฉ้อโกงประชาชน หลอกลวงให้มีการลงทุน กระเป๋าแบรนด์เนม ว่าทางตำรวจจะทำเช่นไรต่อซึ่งได้มีการพูดคุยดันไปบ้างแล้ว ซึ่งทราบว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายเวลาในชั้นอุทธรณ์
“ส่วนเรื่องสอง เป็นการมาติดตามคดีที่นายประสิทธิ์ และ พวก วางแผนหลบหนีศาลในวันที่มีการเบิกตัวออกจากเรือนจำมารายงานตัวต่อศาล เหตุเกิดเมื่อปลายปี 2565 ซึ่งในส่วนคดีนี้ทางตำรวจกองปราบฯเป็นผู้รับผิดชอบ ในวันนี้จึงอยากทราบว่าคดีมีความคืบหน้าไปมากน้อยเพียงใด เพราะตั้งแต่วันเกิดเหตุจนถึงขณะนี้เวลาผ่านล่วงเลยมากว่า 7 เดือนแล้ว”
นายแทนคุณ กล่าวต่อว่า อีกเรื่องหนึ่ง เป็นการมาข้อมูลเกี่ยวกับขบวนการหรือกลุ่มคนที่คอยให้การช่วยเหลือนายประสิทธิ์ คอยเคลื่อนไหวกดดันเหยื่อให้ถอนแจ้งความ แม้ปัจจุบันเจ้าตัวจะถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ ซึ่งแม้ว่าก่อนหน้าจะมีการจับกุมเครือข่ายผู้ให้การช่วยเหลือนายประสิทธิ์ ไปบ้างแล้ว แต่เชื่อว่าขบวนการดังกล่าวยังมีอยู่อีกมาก และอยากให้ตรวจสอบ บุคคลท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ในบริษัทอสังหาริมทรัพย์และการท่องเที่ยว 2 บริษัทใน จ.กระบี่ ว่ามีความเกี่ยวข้องกับขบวนการของนายประสิทธิ์หรือไม่ เพราะตนตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดคนที่ไม่เคยประกอบธุรกิจ อยู่ๆ กลับมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่ทั้ง 2 แห่งได้ หลังจากคอยให้การช่วยเหลือนายประสิทธิ์ขณะติดคุกได้ไม่นาน
“หากบริษัททั้งสองแห่งเกี่ยวข้องหรือเขื่อมโยงกับขบวนการฉ้อโกงของนายประสิทธิ์จริง ก็อยากให้มีการตรวจสอบว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการหลอกลวงเงินผู้คนหรือไม่ หากพบว่าใช่จะได้ยึดอายัดมาขายทอดตลาดนำเงินมาเฉลี่ยคืนให้กับผู้เสียหาย”
