วันศุกร์, พฤษภาคม 17, 2024
หน้าแรกอาชญากรรม “กระติก-แซน” ยืนยันว่า “แตงโม” ตกน้ำเอง “แม่” มีหลักฐานเด็ดโต้สวน “โกหกทั้งหมด”

Related Posts

 “กระติก-แซน” ยืนยันว่า “แตงโม” ตกน้ำเอง “แม่” มีหลักฐานเด็ดโต้สวน “โกหกทั้งหมด”

ตำรวจให้ “กระติก” กับ “แซน” สองสาวบนเรือสปีดโบ๊ต เล่าเหตุการณ์ที่ “แตงโม”พลัดตกจากเรือ ทั้งสองยืนยันว่าไปนั่งฉี่ท้ายเรือจนเกิดเหตุเอง พร้อมกับตอบปมไม่แจ้งแม่แตงโมรู้เรื่อง อ้างไม่ใช่นักประดาน้ำ ด้านแม่ดาราสาวหอบหลักฐานแชตหลุดไปให้ตำรวจพร้อมตอบโต้ทันควันว่า “โกหกทั้งหมด” มีการทำร้ายร่างกายและจิตใจแตงโมบนเรือ ข้องใจลูกตาย 4 วันยังไม่ติดต่อเลย

ที่ สภ.เมืองนนทบุรี เวลา 13.10 น.วันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2565  น.ส.อิจศรินทร์ หรือกระติก จุฑาสุขสวัสดิ์ ผู้จัดการและเพื่อนสนิทของ “แตงโม” นิดา พัชรวีระพงษ์ กับ น.ส. วิศาพัช หรือ แซน มโนมัยรัตน์ ที่อยู่ในเรือสปีดโบ๊ตลำเกิดเหตุ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองนนทบุรี ร่วมกันแถลงเปิดใจถึงกรณ๊การเสียชีวิตของแตงโม จากการพลัดตกจากเรือสปีดโบ๊ตในแม่น้ำเจ้าพระยา จมน้ำเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ผู้สื่อข่าวถามถึงไทม์ไลน์ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุจนหลังเกิดเหตุ วันนั้นเกิดอะไร น.ส.อิจศรินทร์ หรือ กระติก บอกว่า “ปอ (นายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์) เป็นเพื่อนของกระติกติดต่อมาเจอกันแบบเพื่อนเก่า เราคุยกันมาเรื่อยๆ  ติกเลยไประดมเพื่อนที่รู้จักกันอยู่แล้ว มีโม แข น้อยโหน่ง รวม 4 คน แต่แขติดงานกลับจากเชียงใหม่มาไม่ทัน ฉะนั้นก่อนจะไปลง จึงชวนแซนแทน แซนเป็นตัวสำรอง ไม่งั้นกลัวไม่สนุกถ้ามีคนน้อย มีการถ่ายรูปอะไรกัน นัดกันประมาณสี่โมงนัดพบกัน ไปแต่งหน้าแต่งตัวที่บ้านโม มีการบอกว่า เราไปเลต เพราะแต่งตัวช้า ไปถึงประมาณ 4 โมง 45 นาที ปอรอนานก็บอกว่าเอาเรือไปเติมน้ำมันก่อน ปอแจ้งว่าจะพาเพื่อนไปสองคนนะ เราเข้าใจเพราะจะเป็นผู้ชายคนเดียว สำหรับโหน่งมาไม่ทัน ติดถ่ายงานก็เหลือเพื่อนชุดตนรวม 3 คน

หลังจากลงเรือแล้วก็ล่องเรือไปเรื่อยๆ ไปรับแซนประมาณ 5 โมงแล้วไปถึงร้านอาหารประมาณ 6 โมงครึ่ง สั่งอาหาร8-9 อย่าง จากนั้นก่อนกลับก็ไปเข้าห้องน้ำ ติกชวนโมไปด้วย แต่โมบอกปฏิเสธ จากนั้นระหว่างทางกลับก็แวะถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ปอคอยแนะนำว่าผ่านตรงไหนบ้าง เรื่อยๆไปจนเกิดเหตุ นี่คือไทม์ไลน์คือออกจากร้านอาหารประมาณ 2 ทุ่ม ส่วนเหตุเกิดประมาณ 4 ทุ่มครึ่ง มีการหยุดเรือเพื่อที่จะถ่ายรูปด้วยจึงกินเวลาประมาณ 2ชั่วโมง ซึ่งตอนโมไปปัสสาวะที่ท้ายเรือ เราไม่เห็นไม่รู้ เพราะตอนนั้นหยุดถ่ายรูปแล้วเหนื่อยแล้ว อยากกินบรรยากาศ เป็นช่วงขากลับนะ ออกจากสะพานพระราม 8 กำลังจะเข้าอู่เรือแล้ว เหตุเกิดตอนนั้น ระหว่างนั้นได้ยินเพื่อน(แตงโม)บอกว่า เฮ้ยปวดฉี่ เราก็ว่าเพื่อนว่าตอนชวนให้เข้าห้องน้ำก่อนลงเรือก็ไม่ไป เขาก็บอกว่ามันไม่ปวด(พูดพลางสะอื้นไห้) “ ไม่ปวดแต่มีฉี่ในกระเพาะนะกูชวนแต่มึงไม่ไป” ตอนนั้นเขาก็ไม่ได้แสดงอาการว่าทนไม่ไหว เขาไม่ได้บอกเรา เราก็ไม่ได้สนใจเพราะมัวแต่ดูวิว เพราะเราเสียเวลากับการถ่ายรูปเยอะ เราไม่ได้ดื่มด่ำกับการบรรยากาศ อากาศดีฟ้าใส คนอื่นอยู่ข้างหน้าเรือ สักพักได้ยินเสียงอีกทีตะโกนของแซนว่าโมตกเรือ ติกไม่เห็นกระทั่งว่าโมเดินไป หลังจากนั้นแยกย้ายกันไปชมบรรยากาศ ติกได้ยินแซนตะโกนเฮ้ยโมตกเรือ และได้ยินคุณจ๊อบตะโกนอีกคนว่าโมตกเรือ คุณปอก็ไปเทคพวงมาลัยหมุนกลับ เป็นกระบวนการตามหา

น.ส.แซน เผยว่าลักษณะการตกคือพลิกด้านข้างลง ส่วนตนนอนเล่นมือถืออยู่ ระหว่างนั้นเขาเดินมาบอกแล้วนั่งลงไปเลย ทุกอย่างเร็วมาก เมื่อถามว่าต้องถอดบอดี้สูทจะทำยังไง น.ส.แซน ย้อนถามนักข่าวว่า ไม่เคยต้องรีบปัสสาวะขณะสวมชุดบอดี้สูทเลยหรือ ถ้าเคยก็จะรู้ว่าทำยังไง ให้อธิบายมันค่อยสุภาพ ด้านน.ส.กระติก แทรกอธิบายว่า การถ่ายปัสสาวะในขณะใส่บอดี้สูท ไม่ต้องถอด เราแหวกข้างเลย เพราะตอนนั้นมีผู้ชายอยู่ด้วย ไม่มีใครถอดบอดี้สูท เพราะเป็นที่โล่งแจ้ง ส่วนเสื้อโค้ดเขาใส่ๆถอดๆ อากาศเย็นแล้ว ก่อนที่จะไปถ่ายมีการบอกเพื่อนๆหรือไม่ น.ส.กระติกตอบว่า ไม่ทราบ ไม่มีใครทราบ ทุกคนมองไปข้างหน้า มันรวดเร็วมาก ตามที่แซนบอก เราไม่เห็น ตอนเพื่อนตกลงไป คนขับเรือคุณปอเป็นตัวเมนหลัก สลับกับคุณเบิร์ต ตนไม่ได้สนใจอะไรตรงนั้น ปอเป็นเพื่อนกับทุกคน ตนคัดมาแล้วว่าต้องสนิทกับทุกคน เพราะไม่อยากแนะนำใคร ส่วนคุณจ๊อบกับคุณเบิร์ตเพิ่งรู้จักในตอนนั้น เพราะเป็นเพื่อนของคุณปอ แต่เราจะคุยกับปอมากกว่า และกับโมและแซน ซึ่งคุณปอเป็นคนชวนติกคนเดียวแล้วเราก็ไปชวนคนที่เหลือ ไม่มีคนอื่น เพราะเป็นช่วงโควิด มีการตรวจเอทีเคส่งให้กันเราก็หลอนน่ะ ตนยืนยันไม่มีเรื่องงานเข้ามาเกี่ยวเลยสักนิดหนึ่ง ตนต้องขอโทษทุกคนที่ไม่ได้ออกมาพูดอะไร เรายังไม่พร้อม สภาพจิตใจมัวแต่ไปอยู่กับเพื่อน  เราไม่สามารถจะมานั่งฟูมฟายตอบคำถามอะไรได้ตนอยากมีเวลามานั่งร้องไห้ให้ดูเพราะเราเสียเพื่อน แต่ เราต้องมานั่งเตรียมตัวตอบคำถามว่าอยู่ตรงไหนทำอะไร อยากขอความเห็นใจจากทุกคน หลายคนอาจโทษว่าดูแลเพื่อนไม่ดี ตนก็อยากโทษตัวเองเหมือนกัน แต่ตอนนั้นอยากมีเวลาของตัวเองคือชมวิวแค่นั้นเองไม่มีอะไรมากกว่านั้นเลย

เมื่อถามย้ำเรื่องงาน น.ส.กระติก ยืนยันว่า ไม่มีการรับงานใดๆทั้งสิ้น เป็นเรื่องของเพื่อนชวนเพื่อน เพื่อนซื้อเรือเป็นเจ้าของเรือ ไม่มีประเด็นเงินอะไร  รายละเอียดตรงนี้ติกแสดงความบริสุทธิ์ใจกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปหมดแล้ว เรื่องเป็นยังไง 

ต่อคำถามว่าเป็นการทะเลาะวิวาทจนผลักกันเกิดเหตุขึ้น น.ส.กระติก ตอบว่า “มันไม่มีทางที่จะเกิดประเด็นนั้น เขารับลูกเราเป็นลูกบุญธรรมด้วย แล้วถ้าโมเสียชีวิตไป เงินติกก็หายไปเหมือนกัน งานติกอะไรติก ลูกต้องเข้าโรงเรียน เขาช่วยเราหมด ถ้าเราผลักเขาลงไปเท่ากับเราทุบหม้อข้าวตัวเองนะ งานในวงการบันเทิงรายได้ค่อนข้างจะดี แต่ตรงนี้ของติกไม่มีแล้วนะ ติกลำบากนะ คนเราจะหาความลำบากมาให้ตัวเองหรือ อยากให้คิดตรงนี้นิดหนึ่ง”

เมื่อถามถึงกรณีไม่ได้ติดต่อกับแม่ของแตงโม น.ส.กระติก ตอบว่า ประเด็นแรกคือตนสนิทกับพ่อของโมมากที่สุด แต่ท่านก็เสียไปแล้ว ระหว่างนั้นตนก็พยายามติดต่อเจ้าหน้าที่ ไม่ได้สนิทกับคุณแม่มาก ถ้าแม่เคืองก็ต้องบอกว่าต้องเข้าใจว่า ตนสนิทกับคุณพ่อมาก เราจะหาคนที่สนิทที่สุดก่อน แม่ประดาน้ำไม่เป็น แม่ไม่มีอุปกรณ์ใดๆ ล่องเรือได้ ไม่ได้โกรธถ้าคุณแม่เคือง ตนเข้าใจ

ส่วน น.ส.แซน บอกอีกว่า หลังเกิดเหตุได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยที่สามารถช่วยได้ ทั้ง 191 และกู้ภัย กู้ภัยโทรมาถามตนสามรอบ กว่าจะมาถึงใช้เวลานานมากเลย พร้อมบอกว่าตอนเกิดเหตุตนนอนเล่นมือถือ เรือไม่ได้แล่นเร็ว ตอนโมกำลังลุกเหมือนเสียหลักแล้วก็หล่น ตนก็ร้องกรี๊ดว่าโมตกน้ำ ตะโกนดังๆ ค่อนข้างกรี๊ดนิดหนึ่ง น.ส.กระติก แทรกว่า แซนร้องตะโกนว่า เฮ้ยอีโมตกน้ำ แล้วก็เป็นเสียงจ๊อบร้องบอก หลังจากนั้นเราก็หันกลับไปวนหาคนก่อน เราไม่ได้ทะเลาะกันเอง เราหาคนก่อน รู้แต่ว่าเขาฉี่แล้วหล่นลงไป ความเป็นไปได้มันมี ไม่รู้เลยว่ามีห้องน้ำในเรือ ที่ไม่ใส่ชูชีพ เพราะเราใส่แจ๊กเกต ต้องถอดออกถ่ายรูป ชูชีพเป็นอุปสรรคของการถ่ายรูป

ส่วนเรื่องโทรศัพท์มือถือของแตงโม น.ส.กระติก บอกว่า อยู่ในกระเป๋าของแตงโมเอง ซึ่งตนก็เราเอาไปมอบให้ทางบ้านเพราะลูกตนก็นอนที่บ้านแตงโม และตนก็ตั้งใจจะนอนที่บ้านแตงโมเช่นกัน แม่บ้านจะเก็บตรงไหนก็ไม่ทราบแล้ว ทางตำรวจแทรกว่าเรื่องโทรศัพท์ตอนนี้ได้ให้ทางปอท.เก็บเอาไว้ เพื่อเป็นหลักฐานวิทยาศาสตร์  ขณะที่น.ส.กระติกยืนยันอีกว่าไม่ได้จับหรือดูอะไรโทรศัพท์

ส่วนที่สังคมตั้งข้อสังเกตว่าทำไมกลุ่มคนบนเรือหายไปเป็นวันๆไม่ได้ช่วยตามหาแล้วกลับไปปรึกษาทางทนาย  น.ส.กระติก ชี้แจงว่า ตอนนั้นที่ตนแยกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ โดยมีพี่เบิร์ตตามไปเฝ้า เราสองคนอยู่บนบกแล้วโทรหารุ่นพี่คนหนึ่งให้มารับประสานพี่บีมออกมาช่วยรับเรากลับที่อู่เรือ ข้าวของของตนอยู่ตรงนั้นหมด เราจำไม่ได้ว่าได้กระเป๋าข้าวของเมือ่ไร ตอนนั้นตี 3-4 แล้ว แล้วตนก็กลับไปบ้านแตงโม เราไม่รู้ว่าจะไปให้ปากคำ เพราะใจต้องออกไป ส่วนอีกวันหนึ่งตั้งใจจะไป แต่ประเด็นสังคมเริ่มหนักแล้วรู้สึกว่าต้องปรึกษาใครสักคน จึงทำให้มันช้า ตนไม่ได้เข้าไปอ่านอะไรเลย ต้องตั้งสติ เพราะเพื่อนโทรมาบอกตนว่ากระแสมาที่ตนแล้วเลยไม่กลับเข้าไป

ส่วนเรื่องที่คุณแม่แตงโมบอกว่ามีคนบอกไม่ให้สัมภาษณ์นักข่าวในคืนหลังเกิดเหตุ นั้น น.ส.กระติกกับแซนบอกว่า ตนไม่ทราบ ต้องถามคุณแม่ได้เลย

หลังการเปิดให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์ชี้แจงของน.ส.อิสศรินทร์หรือกระติก และ น.ส.วิศาพัชหรือแซน ดังกล่าว นางพนิดา ศิริยุทธโยธิน แม่ของแตงโม ได้เดินทางนำหลักฐานบางอย่างไปมอบให้พนักงานสอบสวนที่สภ.เมืองนนทบุรี พร้อมกับให้สัมภาษณ์ตอบโต้ทันที โดยตอบคำถามที่ว่ากระติกบอกว่าไม่สนิทกับแม่แตงโม โดยนางพนิดาถึงกับร้องอุทานว่า “ว้าย ไม่สนิทกับแม่ได้ยังไงเป็นไปไม่ได้ จ้างลูกตนไปหากินนี่ ก่อนอื่นที่ข่าวออกไปว่าแม่พูดแรง ถามหน่อยว่าตนพูดอะไรแรงๆไหม ถ้าแรงก็จะไม่พูด ไม่ได้พูดคำหยาบ พูดจากความรู้สึกว่าเราเสียลูก ทำไมกระติกไม่ติดต่อตัวเรา นี่คือประเด็น เรื่องไม่สนิทไม่เกี่ยว ทำไมจะไม่สนิทล่ะก็หากินอยู่ด้วยกัน ส่วนที่ไม่โทรหาเพราะแม่ดำน้ำไม่ได้ นางพนิดาถึงร้อง “หา อ้าวมันใช่เหตุผลเหรอ คุณแม่ต้องไปดำน้ำเหรอ หา ใช่เหตุผลเหรอคุณแม่ดำน้ำไม่ได้ มันตลกนะ”  พร้อมกับบอกว่าคุยกันกับกระติก คุยเวลามีงานที่ทำด้วยกัน ก็ไปด้วยกัน ตนยังแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้เขาเลย

ต่อคำถามที่ว่ากระติกไม่กล้าโทรเพราะกลัวคุณแม่แตงโม นางพนิดาตอบว่า คุยกันไม่มีละเว้น  ได้เจอกัน เวลาไปออกรายการน้องโมก็มีคุณแม่พ่วงไปด้วย ที่จะต้องโชว์ด้วย

ส่วนที่กระติกบอกว่าได้ไปเจอกับแม่แตงโมที่สถาบันนิติเวช แล้วคุยกัน นั้น นางพนิดายืนยันว่า ไม่ได้เจอกับน.ส.กระติกและไม่ได้เห็นด้วยซ้ำไป เขาพูดโกหกทั้งหมด ตนยังไม่เห็นกระติกอยู่ตรงไหน เราประชุมเรื่องงานน้องโมในห้องหนึ่ง เพื่อนน้องโมอยู่กันเต็มก็เข้าไปดูศพด้วยกัน แต่ไม่มีกระติกนะ กระติกควรจะไปดู เรื่องผู้ชายสองคนจบไปแล้ว แต่เรื่องกระติกให้ตำรวจเขาว่ากัน เพราะตำรวจเขาสงสัยอยู่เหมือนกัน “มันมีเรื่องที่ลึกกว่านั้น ที่คุณแม่ยังพูดไม่ได้”

พอถามว่าอยากคุยอะไรกับกระติกหรือไม่ นางพนิดาส่ายหน้าบอกว่า “ไม่อยาก ถ้านึกถึงเรื่องที่เป็นความจริงที่เขาทำ เขาทำร้ายน้องโมจริงๆ ทำร้ายทั้งจิตใจและร่างกาย เขาไม่ได้มีความจริงใจกับลูกเรา แต่คุณแม่ยังพูดไม่ได้นะคะขอให้เป็นเรื่องของตำรวจ” ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ว่าทำร้ายร่างกายในวันที่เกิดเหตุหรือก่อนหน้านี้ นางพนิดาพยักหน้าตอบว่า “ใช่ ในเรือ” พร้อมยืนยันเรื่องปัสสาวะบนเรือว่า ไม่จริง ไม่เชื่อ มันทำไม่ได้หรอกเพราะชุดมันแคบรัด ไม่จริง พร้อมพูดว่า “คนเราถ้าอยากจะพ้นผิดควรพูดความจริงนะ ให้หนักเป็นเบานะ แต่นี่ยังโกหกอยู่เลย ยังโกหกนักข่าวทั้งประเทศนี่ มันไม่รอดหรอก คุณไม่รอดหรอก เดี๋ยวก็โดนโจมตี”

ต่อคำถามว่าคุณปอกับคุณแซนเป็นเพื่อนของแตงโมหรือไม่ นางพนิดา ตอบว่า ตนไม่รู้จักสักคน เดียวเลย ทั้งผู้หญิงผู้ชาย เพื่อนเขาเยอะมาก เพื่อนเข้าบ้านน้องโมเยอะมากมีหลายระดับ

ส่วนที่เชื่อกระติกทำร้ายร่างกายแตงโมคิดว่ามีคนเดียวหรือไม่ นางพนิดา ตอบว่า เชื่อว่ามีมากกว่านั้น ทำร้ายร่างกายและจิตใจ ส่วนเป็นผู้หญิงหรือชาย นางพนิดาบอกว่าต้องถามตำรวจ ที่เชื่อว่าถูกทำร้ายร่างกาย เนื่องจากมีบุคคลที่เชื่อถือได้ส่งเอกสารมาให้ตนดู แต่บอกไม่ได้ว่าเป็นใคร เป็นเพื่อนสนิทคุณแม่ที่เรียนหนังสือมาด้วยกันเลย เขาส่งมาวันนี้ ( 27ก.พ.)ตนตกใจมากเลยเอามาให้ตำรวจดู เพราะตำรวจไม่ได้รู้อะไรลึกๆ ไม่มีเวลาดูโซเชียลเฟซบุ๊กอะไรหรอก พวกเรายังไม่มีเวลาดูเลย เอกสารเป็นที่เขาเขียนมาในไลน์

นางพนิดายังกล่าวว่าที่บอกว่าเขาไปทานข้าวกันจริง แต่หลังจากทานข้าวเป็นอีกเรื่องหนึ่ง มันเป็นเรื่องเดียวกันในเอกสาร เป็นข้อความเชื่อถือได้ หลังทานข้าวเป็นอีกเรื่อง ซึ่งทำให้น้องแตงโมไม่พอใจ แล้วก็มีปัญหากัน ขัดแย้งในเรือนั่นแหละ ข้อความว่าแตงโมไม่พอใจไปนั่งหน้าบึ้งท้ายเรือ เกิดการมีปัญหาตึงเครียดไม่ยินยอมอะไรอย่างนี้ ถ้ารู้อย่างนี้ไม่มาแน่นอน มาทำไม ถ้าจะไปกินข้าวไปที่ไหนก็ได้ มาอย่างนี้ทำไม คือถ้ากระติกปฏิเสธเขาก็มีสิทธิ์ แต่ข้อเท็จจริงเขาไม่พูดมันอยู่ในใจเขาแต่เขาไม่พูด ตนรู้แล้วว่าคืออะไร แต่เขาไม่ยอมรับ ไม่เช่นนั้นเขาจะหนีหน้าตนทำไม นี่ 4วันแล้วยังไม่ได้คุยกันเลย “ไม่เคยบอกว่าลูกคุณแม่ตายนะ ไปกับหนู น้องโมตกเรือ ไม่มีคำนี้ไม่มี”

เรื่องที่กระติกว่าเขาก็เสียใจเหมือนกัน แตงโมก็เพื่อน ตายไปเงินก็หายงานก็หาย มันสื่อถึงอะไร นางพนิดา ตอบว่า ไม่ต้องพูดเลย เงินหายงานหายก็ไปหาใหม่ได้ พร้อมกับพูดถึงคนที่ส่งข้อความเอกสารมาให้ว่า เขาไม่ได้อยู่บนเรือ เป็นเรื่องทีร่เกิดขึ้นในเรือ ได้แชตจากคนในเรือที่หลุดคือคนที่ไม่ได้โดนจับอีก1 คน  เขาอาจไประบายข้อความ จึงถูกบันทึกไว้ เขาเป็นผู้หวังดีกับงานแบบนี้ เขาเป็นผู้ที่ทำให้กับใครที่เสียชีวิตจากความไม่ยุติธรรม คนนี้จะเป็นคนช่วยเหลือจัดทำขึ้นมาให้ประชาชนได้รับรู้ แต่ตนไม่รู้จักชื่อเขาหรอก

ขอบคุณที่มาคลิป : ข่าวสด

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts