วันศุกร์, กันยายน 27, 2024
หน้าแรกท้องถิ่นเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ใบปลิวปริศนา สมาชิกสภาเทศบาลนครแหลมฉบัง พร้อมด้วยบุตรสาว

Related Posts

เอาเรื่องให้ถึงที่สุด ใบปลิวปริศนา สมาชิกสภาเทศบาลนครแหลมฉบัง พร้อมด้วยบุตรสาว

เอาเรื่องให้ถึงที่สุด ใบปลิวปริศนา สมาชิกสภาเทศบาลนครแหลมฉบัง พร้อมด้วยบุตรสาว ได้เข้ายื่นหนังสือแก่ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และรองผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อขอสอบถาม และให้พิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่มีเอกสารเท็จ จาก อุสเรนทร์นิวส์ EP.3 เผยแพร่และมีการส่งต่อ

ที่อาคารบริหารท่าเรือแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี นายวิชัย ถาวรพงศ์ สมาชิกสภาเทศบาลนครแหลมฉบัง พร้อมด้วยบุตรสาว ได้เข้ายื่นหนังสือแก่ เรือเอกกานต์ เมนะรุจิ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และนายวีระยุทธ์ สว่างแจ้ง รองผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อขอสอบถาม และให้พิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่มีเอกสารเท็จ จาก อุสเรนทร์นิวส์ EP.3 เผยแพร่และมีการส่งต่อ เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา อย่างกว้างขวาง ทำให้บุคคลที่อยู่ในเอกสารดังกล่าวเสื่อมเสียชื่อเสียง ไม่ว่าจะเป็น นักบริหาร 14 ประจำผู้อำนวยการ ,ผู้อำนวยการกอง, พนักงานท่าเรือแหลมฉบัง ได้ตำแหน่งมาโดยมิชอบ รวมถึงนักข่าวท้องถิ่น ชุมชนโดยรอบ ถูกกล่าวหาว่า มีการทุจริต งบประมาณของท่าเรือปีละ 10ล้าน นานกว่า 10ปี

นายวิชัย ถาวรพงศ์ กล่าวว่า มีเอกสารที่ถูกส่งต่อกันทางออนไลน์ เนื้อหาผู้เขียนมีเจตนาชัดเจน มีข้อความเท็จ กล่าวถึงลูกสาวของตน ว่าเข้ามาทำงานที่ท่าเรือแหลมฉบัง โดยใช้เส้นสาย และเข้ามาเป็นพรรคพวกของเจ้าหน้าที่ท่าเรือ เพื่อทุจริต ในการเบิกจ่ายงบประมาณของท่าเรือแหลมฉบัง ทำให้เกิดความเข้าใจผิด และเกิดความเสื่อมเสียชื่อเสียง จนทำให้กระทบต่อหน้าที่การงานของบุตรสาว และตนเอง ที่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งตนในฐานะพ่อมิอาจนิ่งดูดายในสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เนื่องจากบุตรสาวของตนได้สอบเข้ามาทำงานอย่างถูกต้อง โปร่งใส แต่กลับถูกใส่ความร้ายแรง ครั้งนี้จึงเข้าพบผู้บริหารสูงสุดของท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อให้พิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว และอยากทราบว่าทางหน่วยงานมีมาตรการที่จะจัดการอย่างไร ในการหาต้นตอ ที่มาของเอกสารดังกล่าว ส่วนตนก็พอจะทราบว่าเป็นคนกลุ่มใด จึงอยากให้ทางท่าเรือมีมาตรการในการจัดการคนกลุ่มนี้เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก ซึ่งตนและบุตรสาวจะขอดำเนินคดีความทางกฎหมายอย่างสูงสุดโดยไม่มีการยอมความใดๆ ทั้งสิ้น ตนไม่สนใจ ว่าบุคคลนี้จะเป็นใคร อยู่ในองค์กรไหน หรือคนในท่าเรือเอง และบุคคลอื่นๆ ที่ให้ข้อมูลหรือร่วมขบวนการนี้ ตนจะไม่ยอมเด็ดขาด

ทางด้านเรือเอกกานต์ เมนะรุจิ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง กล่าวว่า ตนได้เห็นเอกสารฉบับนี้ เมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้ว โดยเอกสารมีการกล่าวถึงเจ้าหน้าที่ของท่าเรือแหลมฉบังหลายคน ว่ามีการทุจริต เบิกงบประมาณ กว่า 10ล้านบาท ให้แก่ชุมชนและนักข่าวท้องถิ่น โดยไม่มีการพิจารณา มีการเขียนบิลค่าใช้จ่ายกันเองในกลุ่ม มีการแบ่งพรรค แบ่งพวก เลือกเจ้าหน้าที่มาทำงานโดยมิชอบ ไม่มีความโปร่งใสในการใช้งบ และยังกล่าวหาว่าเอาเงินของท่าเรือไปใช้จ่ายเพื่อสร้างบารมีให้ตัวเอง จ่ายเงินให้นักข่าวท้องถิ่นมาตลอดกว่า 10 ปี โดยให้ความเห็นส่วนตัวว่าจำเป็นต่อท่าเรือเฟส 3 รวมถึงกล่าวหาว่าแทรกแซงการทำงานของฝ่ายบริหาร และขัดขวางการทำงานของสหภาพการท่าเรือ ในวันนี้สหภาพการท่าเรือก็มาร่วมด้วย จะเห็นได้ว่าไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวอ้างเลย ตนเองเห็นข้อความดังกล่าวและก็ไม่สบายใจ และไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะเนื้อหาในเอกสาร ทำให้เสียภาพลักษณ์ขององค์กร ซึ่งทางท่าเรือแหลมฉบังยืนยันว่าไม่มีการทุจริตในโครงการใดๆ ที่ผ่านมาหากท่าเรือฯ มีโครงการต่างๆ หรืโครงการที่ทำผลประโยชน์ให้แก่ชุมชน โครงการการประชาสัมพันธ์กิจกรรมต่างๆของท่าเรือ ต้องผ่านฝ่ายบริหาร และตนจะเป็นคนเซ็นโครงการทั้งหมด ยืนยันอีกครั้ง ว่าไม่มีการทุจริต หรือเอื้อผลประโยชน์แก่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอย่างแน่นอน ส่วนงบประมาณการประชาสัมพันธ์ การจ้างนำเสนอข่าว ทางท่าเรือฯ ได้ตั้งงบประมาณไว้ทุกๆปี ซึ่งก็เหมือนองค์กรอื่นๆ ก็จะมีงบประมาณนี้ตั้งไว้เช่นกันเป็นเรื่องปกติ ยืนยันได้ว่าไม่มีการซื้อตัวนักข่าว ไม่มีการบิดเปือนข่าวสาร หรือการแก้ไข ดำให้เป็นขาว ไม่มีอย่างแน่นอน เหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้เสียภาพลักษณ์ขององค์กรอย่างมาก ทำให้ชุมชนเสียชื่อเสียง และส่งผลกระทบต่อนักข่าวท้องถิ่นด้วย ซึ่งทางท่าเรือแหลมฉบังไม่มีอำนาจในการสืบเสาะออนไลน์ หาต้นตอของผู้ที่กระจายเอกสารนี้ ซึ่งอาจจะได้แค่ คาดเดาว่ามาจากคนกลุ่มไหน จึงอยากฝากให้ทางตำรวจ ค้นหาต้นตอของผู้ที่กระจายเอกสารผ่านออนไลน์นี้ด้วย ซึ่งทางผมจะนำเรื่องนี้เข้าสู่ในการประชุม ของฝ่ายบริหาร และฝ่ายกฎหมาย ของท่าเรืออย่างเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

“ทางท่าเรือแหลมฉบัง ยอมรับว่ามันมีช่องโหว่ ที่จะทำให้บุคคลอื่นเข้ามาตำหนิ หรือใส่ร้ายป้ายสี เพราะว่าตำแหน่ง “นักบริหาร 14 ประจำผู้อำนวยการ” นี้ ไม่ใช่เป็นตำแหน่งของท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งทางการท่าเรือแห่งประเทศไทย ให้มาช่วยราชการเท่านั้น แต่ด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม ทำให้มีคำสั่งกลับไปยังต้นสังกัด ทำให้หลายฝ่ายคิดว่าเป็นการกลั่นแกล้ง ตนขอยืนยันว่ามันเป็นเรื่องปกติของการโยกย้ายซึ่งมีทุกหน่วยงาน แต่ด้วยบุคคลนี้อยู่กับชุมชนมานาน ทางท่าเรือแหลมฉบัง ก็ยังต้องขอคำปรึกษาอยู่เสมอๆ จึงทำให้ต้องทำงานระหว่างกรุงเทพฯ-แหลมฉบัง อยู่ จนทำให้บุคคลดังกล่าวเข้าใจผิดว่ามีผลประโยชน์จนไม่ยอมออกจากพื้นที่แหลมฉบัง” ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง กล่าวทิ้งท้าย

นายวีระยุทธ์ สว่างแจ้ง รองผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง กล่าวเสริมว่า หากมีการตรวจสอบจนเจอผู้ที่เผยแพร่เอกสารนี้ และหากเป็นบุคคลภายในองค์กร ทางการท่าเรือแห่งประเทศไทยมีมาตรการลงโทษ คือ ตามที่ได้มีประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ลงวันที่ 31 ตุลาคม 2543 ห้ามพนักงาน หรือกลุ่มบุคคล ดำเนินการออกแผ่นปลิว หรือเผยแพร่แผ่นปลิวที่เป็นเท็จหรือให้ร้ายต่อบุคคลและหน่วยงาน ทั้งนี้หากยังมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น และตรวจสอบหลักฐานพบว่าพนักงานผู้ใดเป็นผู้กระทำ พนักงานผู้นั้นจะถูกพิจารณาโทษทางวินัยสถานหนัก และจะถูกดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วย ประกาศ เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2553 โดยผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ในขณะนั้น

ตัวแทนกลุ่มประมงบางละมุง กล่าวว่า จากการที่ตนร่วมทำงานกับท่าเรือมากว่า 20 ปี ในการชดเชยให้กลุ่มประมงต้องใช้เวลากว่า 10 ปีต้องผ่านขั้นตอนอะไรต่างๆมากมาย ซึ่งไม่สามารถที่จะรวบรับตัดตอนได้ ต้องผ่านครม. มีข้อกฎหมายมากมาย ซึ่งมีการกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ท่าเรือนำเงินไปจ่ายให้ชุมชนตามใจตัวเอง ทางผมขอยืนยันว่าไม่มีการทุจริตในการจ่ายเงินค่าเวนคืน ในโครงการท่าเรือเฟส 3 อย่างแน่นอน ในอดีตที่ผ่านมาทางชุมชนยอมรับเลยว่ามีอคติกับท่าเรือเป็นอย่างมาก แต่ด้วยเจ้าหน้าที่ท่าเรือเข้ามาดูแลอย่างจริงใจ และให้ความรู้อธิบายถึงข้อดี และสิ่งที่ชุมชนจะได้รับ กว่าชุมชนจะยอมเปิดใจใช้เวลานานมาก ถ้าหากบุคคลใดไม่มีความจริงใจ ไม่มีความทุ่มเทเพื่องาน คงขอย้ายไปที่อื่นแล้ว แต่บุคคลนี้มีความจริงใจต่อชุมชนอย่างแท้จริง ทำให้ประชาชนรักเจ้าหน้าที่คนนี้อย่างใจจริง ทุกคนรัก หากพบเจอที่ไหนก็จะเข้าไปทักทาย ทำให้ชาวบ้านทุกวัยเรียกติดปากว่า “พี่ตา” มีปัญหาอะไรเกี่ยวกับท่าเรือก็ต้องปรึกษา “พี่ตา” และในวันนี้ตัวแทนชุมชน กลุ่มประมงได้เข้ามาเพื่อให้กำลังใจ “พี่ตา” ผ่านผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง พร้อมขอให้ทางท่าเรือแหลมฉบัง ลงโทษบุคคลที่หมิ่นประมาทให้ถึงที่สุด หากว่าบุคคลนั้นอยู่ในองค์กรของท่าเรือแหลมฉบังขอให้ลงโทษสถานหนักด้วย

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts