“แอนนา” กับ “ฮิปโป” ผู้จัดการคิวรับงานของ “แตงโม” ดาราสาวที่จากไป ออกมาไลฟ์เปิดหมดเรื่อง “เงิน 1 ล้าน” จากประกันภัยที่ได้รับหลังออกรายการทีวี ยันแตงโมเซ็นชื่อเอง มอบผลประโยชน์ให้ลูกสาวของ “กระติก” หากเกิดเสียชีวิต และยังได้รับสานต่อเลี้ยงแมว 3 ตัวที่มีบุคลิกคล้ายตัวแตงโมเองด้วย
“ฮิปโป-ฉันท์ชนะ ยิ้มสาย” เพื่อนสนิทและผู้จัดคิวส่วนตัวของ “แตงโม” ได้ร่วมคุยกับ “แอนนาทีวีพูล” ผู้จัดการอีกคนหนึ่งถึงเรื่องประกันอุบัติเหตุของดาราสาว 1 ล้านบาทที่ยกผลประโยชน์ให้ลูกสาวของ “กระติก” ผู้จัดการและเพื่อนสนิทของแตงโม ในไลฟ์สดเมื่อวันที่ 1 มีนาคม นี้ โดยแอนนา ระบุว่า ถ้าในกรณีนี้ตำรวจสรุปว่าเป็นอุบัติเหตุ มีประกันสินไหมจากทิพยประกันภัย ที่ได้มาจากรายการ ซุป’ตาร์พาฟิน ซึ่งจะมอบให้กับ…เรารู้แล้ว คราวนี้หลายคนโฟกัสอีกว่าสมควรหรือไม่ เรารู้แล้วว่านั่นคือการตัดสินใจของโม ซึ่งโมเป็นคนเซ็นเอง แล้วกระติกเป็นพยาน ดังนั้นไม่ไปก้าวก่ายเรื่องนี้ เป็นความประสงค์ของโมเอง
ส่วน ฮิปโป กล่าวว่า จะพูดเรื่องนี้รายเดียวแค่นั้นเอง เรื่องนี้ฮิปโปไม่เกี่ยวแล้ว ตนทำในฐานะครีเอทีฟรายการ ไม่ได้เป็นคนดูแลแตงโม ในตอนนั้นอาชีพที่เป็นอยู่ปัจจุบันนี้คือครีเอทีฟ ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นคือ เขาจะไปฟ้องร้องแม่ จะดำเนินการอย่างไรก็แล้วแต่คุณแม่ ต้องรอคุณแม่ติดต่อมา เราโทรหาคุณแม่เรื่องประกัน คือเราไม่รู้เรื่องประกัน อะไรจะเกิดขึ้นอะไรยังไง ขอบคุณพี่ธัญญ่า(ธัญญาเรศ รามณรงค์)ที่มาเตือนเรื่องนี้ ว่าอย่าลืมโทรแจ้งแม่นะ เราโทรแจ้ง แล้วฉุกคิดว่าใครได้รับผลประโยชน์ครั้งนี้ เราโทรหาทีมงานให้เช็กว่ากรณีนี้ใครได้รับผลประโยชน์ สุดท้ายเขาลงชื่อว่าเป็นน้อง(ลูกของกระติก) เป็นผู้รับผลประโยชน์
ฝ่ายแอนนา เสริมว่า แต่ตอนนี้น้องอาจจะยังไม่สามารถรับได้เพราะยังไม่บรรลุนิติภาวะหรือไม่ เราไม่รู้เรื่องกฎหมายตัวนี้ แต่สรุปในการเป็นพยาน ที่ฮิปโปเป็นในตอนนั้นเขาอยู่ในห้อง เซ็นกัน ตนไม่รู้ว่าเขาเซ็นอะไรกันบ้าง เพราะไปปิดเปิดสคริปต์ เปิดคิวการ์ดให้พิธีกร พี่เอกกี้ พี่ธัญญ่า เขาอ่านรายการ ต้องไปเคลียร์เฟรมต่างๆ ไม่รู้ว่าเซ็นอะไรยังไง ไม่ได้บอกให้ “อีโมมึงเซ็นๆอะไรยังไง” ฮิปโป กล่าว
แอนนา กล่าวว่า ก็ยอมรับนับถือน้ำใจโมเลยนะ เหมือนที่บอกว่าประกันมอบให้คนอื่นได้ด้วยหรือ ฮิปโป กล่าวเสริมว่า ในกรณีที่ผู้เอาประกันเสียชีวิต เขาจะถามว่า ผู้ได้รับมรดกตกทอดชิ้นนี้คือใครต่อ เหมือนสมมติฮิปโปตายไป ฮิปโปทำประกัน ก็ต้องเขียนว่าประกันชิ้นนี้ใครเป็นผู้ได้รับ เพราะอันนี้คือกรณีเสียชีวิต ส่วนถ้าเป็นอุบัติเหตุ อันนี้พี่โมได้ใช้เต็มๆ เพราะว่ามันคืออุบัติเหตุ ค่ารักษาพยาบาลดูแล แต่กรณีเสียชีวิตผู้ที่ได้รับผลประโยชน์นี้คือใคร ทางเจ้าของประกันจะต้องไปเป็นคนลงเองว่าใครเป็นผู้ได้ และมีลายเซ็นกำกับ นี่คือสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง
แอนนา กล่าวอีกว่าตอนนี้ก็คือเคลียร์ว่าโอเค ประกันนี้มีอยู่จริง เป็นประกันที่ได้มาจากรายการๆหนึ่งที่เขามอบให้กับโม มีมูลค่า 1 ล้านบาท เราระบุชื่อผู้รับไม่ได้ น้องยังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่เห็นแล้วว่าเป็นชื่อจริงนามสกุลจริง แต่เราเชื่อว่าถ้าเป็นเราเป็นคนนั้น เราจะมอบคืนแม่ ถ้าแม่จะมอบคืนหลานอีกเรื่องหนึ่ง พูดในฐานะถ้าเป็นเรา มันไม่ใช่เป็นเหตุการณ์ปกติ ถ้าเป็นเหตุการณ์ปกติ น้องก็ได้ตามเหตุการณ์ปกติ ถ้าเป็นเรากับเหตุการณ์ไม่ปกติแบบนี้ เราจะให้แม่ก่อนนะ แล้วให้แม่ตัดสินใจ ถึงน้องจะได้ก็ตาม แต่เชื่อว่าอย่างน้อยให้แม่ตัดสินใจ ยังไงก็หลาน
ทางฮิปโป กล่าวว่า อันนี้ได้ลำดับเดียว ตนไม่ได้พูดเองเออเอง แต่เอามาจากประกัน(ทิพยประกันภัย) แอนนาถามว่าโมกลับมาคุยกับแม่หรือยังตอนนั้น ฮิปโป ตอบว่า ช่วงเมษายน คุณพ่อน่าจะเสียแล้ว เพราะว่าในสคริปต์สัมภาษณ์ถามว่าคุณพ่อจากไป ถามเรื่องความรู้สึกต่างๆ เรื่องผลงาน เรื่องลับๆต่างๆ ในรายการจะเป็นลักษณะนี้ แล้วก็ถามถึงอาชีพ ที่อยากทำ พี่โมบอกว่าเขาอยากทำอาชีพช่างซ่อมรถก็เลยเป็นอาชีพช่างซ่อมรถที่เขาทำขึ้นมา เห็นในรายการแล้วใช่ไหม ทุกอาชีพจะต้องมีความเสี่ยง ดังนั้นเราจะขอมอบประกันกรมธรรม์คุ้มครองในกรณีเกิดอุบัติเหตุ ถ้าเสียชีวิต เงินประกันสูงสุด 1ล้านบาทมอบให้คุณแตงโม ตอนนี้เขาจะต้องเซ็นว่าเขาจะให้ใครในกรณีเสียชีวิต เพราะในกรมธรรม์ประกันภัยต้องครอบคลุมทุกอย่าง ในกรณีพี่โมอุบัติเหตุแขนหัก อันนี้พี่โมได้ประกันแน่ๆอยู่แล้ว แต่เขาไม่ได้เกิดอุบัติเหตุอะไร ดังนั้นก็ปล่อยเรื่องนานจนหลงลืม ตนก็ยังหลงลืม เพราะเรามอบให้ดาราทุกคน ถ้าดาราไม่รับ ประกันตัวนี้ก็ถูกนำไปให้ช่างซ่อมรถเจ้าของอาชีพ แต่พี่โมรับไง เพราะได้ฟรีปีหนึ่ง ช่วงเดือนเมษายน 2564 ตนเป็นครีเอทีฟรายการจึงได้รู้ อันนี้เรื่องจริง ส่วนเรื่องบ้านประกันยังไง อันนี้เราไม่รู้แล้วเพราะเราไม่ได้ยุ่งในส่วนของรายจ่ายบ้านแล้ว ตอนนี้แม่ดูแลทั้งหมด แม่ต้องจัดการ จะไม่เกี่ยวกับคนอื่นอยู่แล้ว พร้อมกันนั้นฮิปโปได้หยิบรูปรายการ ขณะที่แอนนาได้เปลี่ยนบรรยากาศให้เห็นแมวที่แตงโมเลี้ยงไว้ “แบมบี้” และบอกว่า ตอนนี้ก็เหลือที่จะเล่าให้แม่ฟัง ส่วนพี่ชายของโม พี่ยศเราเล่าให้ฟังแล้ว เขาเข้าใจ
จากนั้น แอนนา ได้หันมาคุยถึงแมวของแตงโมที่ตนเอามาเลี้ยงต่อ ว่า แบมบี้เป็นยังไงบ้าง เมื่อวานนี้ตอนที่เอาแบมบี้มาเลี้ยง ตอนแรกบอกก่อนว่าตนจะรับเลี้ยง 2 ตัวคือแบมบี้กับบ๊อบแต่ว่าฮิปโปเอา “ปู่เตอร์” แมวอีกตัวหนึ่งของแตงโมไป ซึ่งปู่เตอร์ก็ร้องตลอดเวลา ฮิปโปแทรก ว่าเขาคงคิดถึงกันเหมือนตามหา เดินรอบบ้าน เลยนำปู่เตอร์มาอยู่ด้วยกับแบมบี้ที่บ้านแอนนา เดี๋ยวตนทำบ้านแมวให้ ฮิปโปพูดอีกว่า ตอนนี้ปู่เตอร์เงียบเลย แต่ตอนอยู่บ้านฮิปโปร้องทั้งคืน ไม่กินอะไร นั่งมองเอียงคอ น้องชายตนก็บอกว่าสงสารน้อง บอกให้ตนเอาไปอยู่กับครอบครัวเขาเถอะ ระหว่างนั้นแมวชื่อปู่เตอร์ก็เดินสำรวจรอบบ้าน
แอนนา กล่าวในตอนท้ายว่า ก็เอาเป็นว่าเคลียร์ในเรื่องของประกัน ในกรมธรรม์ระบุว่าใครเป็นผู้รับผลประโยชน์ก็ได้ ไม่เกี่ยวกับกองมรดก แล้วแต่คุณแตงโม แล้วฮิปโปก็นำภาพที่ถ่ายไว้ในมือถือโชว์ตอนออกรายการดังกล่าวเมื่อเมษายน ปีที่แล้ว พร้อมกับบอกว่าตนเข้ามาทำงานให้แตงโมเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ส่วนแอนนาก็ประกาศหาคนรับทำบ้านแมวเพื่อสร้างบ้านให้แมวสามตัวของแตงโมต่อไป เพื่อให้อยู่เป็นสัดส่วนสบาย ๆ ตอนนี้มีอีกตัวหนึ่งอยู่กับเบิร์ด(แฟนของแตงโม) แอนนาเผยว่า เมื่อวานเปิดคลิปแตงโมให้แมวดู เขาก็นั่งดูตาแป๋ว คงคิดถึงเจ้านาย ฮิปโปบอกอีกว่าแมวมีลักษณะเหมือนแตงโมหมด รักสันโดษ ชอบคุยชอบประจบก็มี แอนนาตอบคำถามผู้เข้ามาชมว่า ตอนบ้านของแตงโม ไม่มีใครอยู่แล้ว แม่บ้านก็ไปหมดแล้ว ถ้ามีอะไรอัพเดทก็จะมาใหม่ พร้อมกับเอ่ยถึงคนๆหนึ่งที่อยู่บนเรือลำเกิดเหตุออกมไลฟ์สดว่า อยากให้อดีตผู้จัดการดูแลแม่อีกหน่อย “ขอพูดอะไรให้มากกว่านี้ ตอนหัวค่ำดูของอดีตผู้จัดการก็ อืมม์” และว่าตนก็ยังโทรหาเบิร์ดอยู่ทุกวัน ดูแลจิตใจกัน ใครที่อยากสัมภาษณ์เบิร์ด นั้น เบิร์ดไม่พร้อมแล้วก็บอกเลยว่าเขามีโลกของเขา แม้เขาไม่ได้มีเงินมาก แต่การที่เขามาคบโม เขาไม่ได้หวังเรื่องเงิน เขาหวังแค่เขาได้รักโมก็พอแล้ว “เร็วๆนี้ที่แอนนาบอกว่าจะเอาเสื้อผ้าโมมาขาย แอนนาจะไม่ขายแล้ว แต่จะเอาของต่างๆ มาขายเอาเงินไปร่วมทำบุญในงานศพของโม เอาเป็นว่ารออัพเดทติดตามเรื่องราวต่อไปนะคะ”