วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 24, 2024
หน้าแรกอาชญากรรมศรีสุวรรณจี้ กทม.เร่งออกคำสั่งรื้อถอนแอชตันหลังศาลสูงมีคำพิพากษาแล้ว 30 วัน

Related Posts

ศรีสุวรรณจี้ กทม.เร่งออกคำสั่งรื้อถอนแอชตันหลังศาลสูงมีคำพิพากษาแล้ว 30 วัน

นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผยว่า ตามที่ศาลปกครองสูงสุดได้อ่านคำพิพากษาคดีแอชตัน อโศกเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2566 ยืนยันตามศาลปกครองชั้นต้นพิพากษาเพิกถอนใบรับหนังสือแจ้งความประสงค์จะก่อสร้างอาคารแอชตันทั้งหมดทุกใบ

โดยให้มีผลย้อนหลังถึงวันที่ออกหนังสือฉบับดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2558 แล้วนั้น บัดนี้ครบกำหนด 30 วันที่ กทม.ได้เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบได้ตาม ม.41 แล้ว แต่ผู้ประกอบการอาคารดังกล่าวก็ยังไม่มีวีแววที่จะหาทางออกไม่ต่ำกว่า 12 เมตรตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 33 ได้ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของกรุงเทพมหานคร ที่จะต้องออกคำสั่งทางปกครองบังคับให้เป็นไปตาม ม.41 และ ม.42 ของ พรบ.ควบคุมอาคาร 2522 โดยเคร่งครัดเมื่อศาลมีคำพิพากษาเป็นที่สุด เพราะอย่าลืมว่าสถานะของอาคารแอชตันถือได้ว่าเป็นอาคารที่ก่อสร้างโดยไม่มีใบอนุญาตตามคำพิพากษาของศาลมาตั้งแต่ 23 ก.พ.58 จวบจนปัจจุบันซึ่งกินระยะเวลาไปกว่า 8 ปีแล้ว และ กทม.จะต้องดำเนินการเปรียบเทียบปรับเป็นรายวันนับแต่วันที่ไม่มีใบอนุญาตจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง ไม่ใช่นิ่งเฉยหรือเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการ โดยประวิงเวลาหาหนทางช่วยผู้ประกอบการเพื่อเลี่ยงการบังคับใช้กฎหมายส่วนนี้ไปมิได้ ไม่เช่นนั้นจะถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตาม ปอ.มาตรา 157 ทันที


ด้วยเหตุดังกล่าว วันนี้สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน จึงได้มีหนังสือด่วนถึงผู้ว่าฯ กทม.และ ผอ.สำนักการโยธา ให้เร่งออกคำบังคับตามมาตรา 41 และ 42 โดยเร็ว นั่นคือ การห้ามใช้อาคาร และออกคำสั่งรื้อถอนอาคารดังกล่าวในที่สุดต่อไป นอกจากนี้แล้ว ยังพบว่ามีกลุ่มนักกฎหมายหัวใสวิ่งกันว่อน หากินกับลูกบ้านที่กำลังเดือดร้อน โดยไปเจรจาหว่านล้อมชักนำลูกบ้านในคอนโดดังกล่าวให้ร่วมรื้อคดีต่อศาลปกครอง ให้ความหวังลมๆแล้งๆว่าจะสามารถพลิกคำพิพากษาดังกล่าวได้ ทั้งๆที่คดีดังกล่าวถึงที่สุดไปแล้ว โอกาสการรื้อฟื้นยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรเป็นร้อยเป็นพันเท่า


ทั้งนี้กลุ่มนักกฎหมายดังกล่าวได้มีข้อเสนอไปยังลูกบ้าน 3 ทางเลือก คือ 1)ค่าบริการฟ้องศาลปกครองการดำเนินการในชั้นศาลเพื่อฟ้องร้องหน่วยงานราชการเป็นเงิน 3,050,000 บาท 2)ค่าบริการฟ้องศาลแพ่งในกรณีความผิดและปัญหาผลกระทบจากคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดกับเจ้าของโครงการฯ โดยเรียกเก็บในศาลชั้นต้น 12,500,000 บาท ศาลอุทธรณ์/ฎีกา 5,000,000 บาท (จำนวนห้อง 501 ห้องขึ้นไป) และ 3)ค่าบริการในกระบวนการพิจารณาในศาลปกครองใหม่ 2,100,000 บาท ซึ่งจำนวนเงินทั้งหมดข้างต้น ไม่รวมค่าทนายความ ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในกระบวนการทางศาลอีกมากมายด้วย


กรณีดังกล่าวหากลูกบ้านจะใช้สิทธิทางศาลในการเรียกร้องสิทธิของตนเอง ทำไมต้องไปเสียเงินเสียทองมากมายดังกล่าว หรือมัวไปหลงคารมของเหล่านักกฎหมายหัวใสดังกล่าวเลย เพราะปัจจุบันสำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงาน สคบ.ก็เปิดโอกาสให้ลูกบ้านทุกคนสามารถไปขอความช่วยเหลือทางคดีในการเรียกร้องสิทธิของตนเองได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆได้อยู่แล้ว แต่ถ้ารวยอยู่แล้ว อยากเสียเงินจ้างพวกนักกฎหมายเหล่านี้ ก็ตามใจ นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts