“…เงินลงทุนมหาศาลต้องหายวับไปทันที พร้อมกับอนาคตของนักการเมืองและข้าราชการหลายคน ที่มีโอกาสต้องเดินเข้าคุก เป็นนักโทษ นี่คงเป็นอีกบทเรียนหนึ่งของคนที่มีอำนาจ มีเงิน หากทำอะไรที่ผิดกฏหมาย ย่ำยีหัวใจผู้คน ที่สุดแล้วจุดจบไม่สวยนัก วันนี้ นาย “อิทธิพล คุณปลื้ม” อดีต รมว.วัฒนธรรม ถูกออกหมายจับ เพราะไม่ไปพบอัยการตามนัดในคดีออกใบอนุญาตคอนโดวอฟรอนท์ฯ โดยมิชอบ เมื่อครั้งเป็นนายกเมืองพัทยา หลัง ป.ป.ช.ชี้มูล และ อสส.มีความเห็นส่งฟ้อง…”
เขาพระตำหนัก หรือ เขาพระบาท เป็นภูเขาเตี้ยๆ อยู่บริเวณหาดพัทยาใต้ ใกล้แหลมบาลีฮาย ภูเขานี้คั่นระหว่างหาดพัทยาใต้ กับ หาดจอมเทียน จากจุดนี้จะเห็นทัศนียภาพโค้งอ่าวของบริเวณเมืองพัทยาได้สวยงาม เหมาะที่จะมาชมวิวช่วงบ่ายจนถึงหัวค่ำ
บนยอดเขาเป็นที่ตั้งของวัดเขาพระบาท และเป็นที่ประดิษฐานพระอนุสาวรีย์ของ “พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์” พระบิดาของทหารเรือไทย ห้วงเวลาที่ผ่านมา หากใครก็ตามได้มีโอกาสไปเที่ยว ไปเยือนเมืองพัทยา เมื่อมีโอกาสจะต้องแวะขึ้นไปเที่ยวเขาพระตำหนัก อันเป็นจุดชมวิวเมืองพัทยา ซึ่งจะมองเห็นทิวทัศน์เมืองพัทยา และอ่าวพัทยาสวยงามมาก บนยอดเขาพัทยาและแวะเวียนมากราบไหว้สักการะพระราชานุสาวรีย์แห่งนี้อยู่ตลอดเวลา
แต่แล้วจุดชมวิวที่สวยที่สุดและศักดิ์สิทธิ์กลับถูกการก่อสร้างตึกสูงบทบังทัศนียภาพขึ้นมาเฉยๆ มีการก่อสร้างโครงการอาคารชุดพักอาศัย 53 ชั้น จำนวนห้องพัก 315 ห้อง ตั้งอยู่บนโฉนดที่ดินจำนวน 7 แปลง ขนาด 2 ไร่ 1 งาน 63.4 ตารางวา เมืองพัทยาได้ออกใบอนุญาตให้ก่อสร้างได้ตามใบ อ.1 เลขที่ 700/2551 เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2551
จากนั้นงานก่อสร้างอันเป็นขยะสายตาของคนไทยที่มาเที่ยวดินแดนแห่งนี้ก็เกิดขึ้น ทุกคนคาดไม่ถึงว่าส่วนราชการจะเอาจุดที่สวยที่สุดในเมืองพัทยามาเป็นจุดขายทางธุรกิจให้นายทุน ชาวโซเชียลแห่กันโพสต์ในวันนั้นทำนองว่า “ไอ้คนสร้างไม่เท่าไหร่ แต่อยากรู้ไอ้คนเซ็นอนุมัติ มันคือใคร หาตัวไอ้คนอนุมัติดีกว่า แล้วที่อยากรู้อีกอย่าง นายกพัทยาทำอะไรอยู่ ถึงปล่อยให้มีตึกนี้ขึ้นมาได้ คนพัทยาทั้งหลาย เรามาร่วมส่งภาพนี้ไปทางสื่อกันดีกว่า ส่งกันเยอะๆ สื่อจะได้เห็นว่าพวกเราคัดค้าน ไม่ต้องการไอ้ตึกนี้”
สังคมตั้งข้อสังเกตุว่า อาคารที่ผุดขึ้นมาริมอ่าวพัทยา โดยตั้งห่างจากชายทะเลไม่เกิน 100 เมตรแบบนี้ ย่อมต้องมีแบบแปลนผังเมืองกำหนดเอาไว้อย่างแน่ชัดว่าตัวอาคารควรจะต้องมีลักษณะเช่นไร จึงจะทำให้ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมละแวกนั้น แต่ตึกยักษ์ดังกล่าวกลับกลายมาเป็น “ขยะทางสายตา” ของชาวเมืองพัทยาแบบนี้ เรื่องนี้จึงกลายเป็นประเด็นใหญ่ ที่สุดนายกเมืองพัทยาในสมัยนั้น นาย “อิทธิพล คุณปลื้ม” ต้องออกมาแถลงข่าวต้องออกมาตอบทุกข้อสงสัยให้สังคมรับรู้ โดยได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับกรณีนี้เป็นกรณีอย่างเร่งด่วนในวันนั้น ว่า
“ทั้งหมดเป็นสิ่งที่ต้องทำตามขั้นตอน เพราะขออนุญาตอย่างถูกต้อง ขั้นตอนทุกอย่างเป็นไปตามตัวบทกฎหมาย โปร่งใส ไม่มีการเอื้อประโยชน์แก่ภาคเอกชนแต่อย่างใด พร้อมให้ทุกหน่วยงานเข้าตรวจสอบเต็มที่ เรื่องบดบังสภาพภูมิทัศน์เชิงเขาและพระบรมราชานุสาวรีย์ เป็นเรื่องที่เมืองพัทยาเข้าใจและไม่อยากให้เกิดขึ้น ซึ่งก็เคยทักท้วงไปแล้ว แต่เมื่อ สผ. (สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) เห็นชอบและดำเนินทุกขั้นตอนตามกฎหมาย ก็ต้องทำไปตามอำนาจหน้าที่
แต่ได้มอบหมายให้ผู้เกี่ยวข้องและผู้ชำนาญการ ศึกษาแนวทางการปรับภูมิสถาปัตย์ เพื่อให้เกิดความสอดคล้องกับสถานที่ ไม่บดบังจนเป็นที่น่ารังเกียจ การชี้แจงในโครงการนี้ ก็เพื่อให้สาธารณชนได้รับรู้ว่าทุกขั้นตอนเป็นไปตามกฎหมาย มีการควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด แต่เมื่อมีกระแสสังคมเกิดขึ้นก็ต้องมาทำการชี้แจง เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง”
ส่วนกรณีของที่ดินเดิมซึ่งมีสภาพติดกับแนวชายฝั่ง ทำให้ไม่สามารถออนุญาตปลูกสร้างอาคารขนาดใหญ่ได้นั้น กรณีดังกล่าวเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายที่ห้ามก่อสร้างอาคารติดแนวชายฝั่ง แต่ที่ผ่านมากรมโยธาธิการและผังเมือง ได้อนุมัติงบประมาณก่อสร้างท่าเทียบเรือพัทยาใต้ ในพื้นที่ 12 ไร่ ทำให้แนวหน้าโฉนดที่ดินของโครงการ มีลานอเนกประสงค์ขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้แนวระดับน้ำทะเลห่างออกไปในระยะนับ 100 เมตร ซึ่งถือว่าเป็นผลพลอยได้ที่ทางภาคเอกชนได้ประโยชน์จากโครงการนี้ จนสามารถขออนุญาตปลูกสร้างอาคารสูงได้
โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติ เมื่อวันที่ 24 ก.ค.2566 ชี้มูลความผิดทางอาญาต่อนายอิทธิพล คุณปลื้ม ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินกว่า 3 ปี เมื่อนายอิทธิพลไม่มาพบอัยการ จึงเชื่อว่ามีพฤติการณ์หลบหนี เป็นเหตุให้ออกหมายจับได้ตามกฎหมาย
โดยเมื่อวันนี้ 5 ก.ย. รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ได้มีคำสั่งออกหมายจับนายอิทธิพล คุณปลื้ม อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ตามคำร้องของคณะกรรมการ ป.ป.ช. หลังจากที่นายอิทธิพล ไม่ได้ไปพบพนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2 ตามนัดในวันที่ 4 ก.ย.2566 ในคดีถูกกล่าวหาว่าเมื่อครั้งที่นายอิทธิพลเป็นนายกเมืองพัทยา เมื่อปี 2551 ได้ออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคารให้แก่บริษัท บาลี ฮาย จำกัด เพื่อก่อสร้างคอนโดมีเนียม วอเตอร์ฟร้อนท์ฯ บริเวณเชิงเขาพระตำหนัก เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี โดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
ทั้งนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดนายอิทธิพล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเมืองพัทยา และพวก กรณีพิจารณาออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร (แบบ อ. 1) เลขที่ 700/2551 ลงวันที่ 10 กันยายน 2551 ให้แก่บริษัท บาลี ฮาย จำกัด และสำนักงาน ป.ป.ช.ได้ส่งสำนวนการไต่สวนและเอกสารหลักฐานไปให้สำนักงานอัยการสูงสุด(อสส.) และสำนักงานคดีปราบปราบการทุจริตภาค 2 เพื่อพิจารณาฟ้องร้องดำเนินคดีตามขั้นตอน
อสส.ได้พิจารณาแล้ว มีความเห็นสั่งดำเนินคดีอาญากับนายอิทธิพล และพวก ประกอบไปด้วย นายพิเชษฐ อุทัยวัฒนานนท์ นายวิทยา ศิรินทร์วรชัย นายญัติพงค์ อินทรัตน์ นายเอกพงษ์ บุญชาย นายวุฒิศักดิ์ เริ่มกิจการ นายอภิชาติ พืชพันธ์ นายสุธีร์ ทับหนองฮี นายชานนทร์ เกิดอยู่ และ นายชัยวัฒน์ แจ้งสว่าง และมอบหมายให้มีการประสานนำตัว นายอิทธิพล และผู้ถูกกล่าวหารายอื่น ไปรายงานตัวต่อพนักงานอัยการ ณ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2 ในวันที่ 4 ก.ย.2566
โดย สำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 2 ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับของบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด ไปตามที่อยู่ที่ปรากฎในฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร เพื่อแจ้งให้นายอิทธิพลไปรายงานตัวต่อพนักงานอัยการ แต่บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด แจ้งว่านำจ่ายไม่สำเร็จ จึงส่งหนังสือดังกล่าวไปยังที่อยู่ที่ปรากฏจากการไต่สวน คือ สำนักงานรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม กรุงเทพมหานคร บริษัทไปรษณีย์ไทย.จำกัด แจ้งว่านำจ่ายสำเร็จ
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 4 ก.ย.2566 นายอิทธิพล ไม่เดินทางไปพบพนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2 ตามกำหนดนัดหมาย และถูกออกหมายจับดังกล่าว โดยนอกจากนายอิทธิพลแล้ว ยังมีผู้ถูกกล่าวหาบางส่วนที่ถูกขอออกหมายจับเช่นกัน
เงินลงทุนมหาศาลต้องหายวับไปทันที พร้อมกับอนาคตของนักการเมืองและข้าราชการหลายคน ที่มีโอกาสต้องเดินเข้าคุก เป็นนักโทษ นี่คงเป็นอีกบทเรียนหนึ่งของคนที่มีอำนาจ มีเงิน หากทำอะไรที่ผิดกฏหมาย ย่ำยีหัวใจผู้คน ที่สุดแล้วจุดจบไม่สวยนัก
ดั่งวาจาของเสด็จเตี่ยที่ว่าไว้ว่า “กูกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ผู้เป็นโอรสของพระปิยมหาราช ขอประกาศให้พวกมึงรับรู้ไว้ว่า แผ่นดินสยามนี้ บรรพบุรุษได้เอาเลือดเอาเนื้อเอาชีวิตแลกไว้ ไอ้อีมันผู้ใดคิดบังอาจทำลายแผ่นดิน ทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ฤๅกระทำการทุจริต ก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อส่วนรวม จงหยุดการกระทำนั้นเสียโดยเร็ว ก่อนที่กูจะสั่งทหารผลาญสิ้นทั้งโคตร ให้หมดเสนียดของแผ่นดินสยามอันเป็นที่รักของกู
ตราบใดที่คำว่า “อาภากร” ยังยืนหยัดอยู่ในโลก กูจะรักษาแผ่นดินสยามของกู ลูกหลานทั้งหลาย แผ่นดินใดให้เรากำเนิดมามิให้อนาทรร้อนใจ จงซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินนั้น แผ่นดินใดที่ให้ซุกหัวนอน ให้ความร่มเย็นเป็นสุขมิให้อนาทรร้อนใจ จงซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินนั้น”
และนี่คือคำกล่าวของ “เสด็จเตี่ย” หรือ “พลเรือเอกพระบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์”
คนคิดชั่ว คิดร้ายต่อแผ่นดินจงจำใส่กระโหลกไว้บ้างนะ!!!
@suebjarkkhao กูจะสร้าง “ใครจะทำไม” ติดคุก “และ” ต้องรื้อทิ้ง ถอดบทเรียน “กลุ่มทุน” สร้างตึก “บังวิวเมืองพัทยา” “…เงินลงทุนมหาศาลต้องหายวับไปทันที พร้อมกับอนาคตของนักการเมืองและข้าราชการหลายคน ที่มีโอกาสต้องเดินเข้าคุก เป็นนักโทษ นี่คงเป็นอีกบทเรียนหนึ่งของคนที่มีอำนาจ มีเงิน หากทำอะไรที่ผิดกฏหมาย ย่ำยีหัวใจผู้คน ที่สุดแล้วจุดจบไม่สวยนัก วันนี้ นาย “อิทธิพล คุณปลื้ม” อดีต รมว.วัฒนธรรม ถูกออกหมายจับ เพราะไม่ไปพบอัยการตามนัดในคดีออกใบอนุญาตคอนโดวอฟรอนท์ฯ โดยมิชอบ เมื่อครั้งเป็นนายกเมืองพัทยา หลัง ป.ป.ช.ชี้มูล และ อสส.มีความเห็นส่งฟ้อง…”
♬ เสียงต้นฉบับ – Suebjarkkhao
#สืบจากข่าว รายงาน