“…กรณีผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง “พล.ต.ท.จิรภพ” ยืนยัน ไม่มีการจ่าย “ส่วยสติ๊กเกอร์” หากพบเบาะแสแจ้งได้เลย สวนทางกับ “ผู้การเต่า ทางหลวง” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ที่ออกมายอมรับผิด ปมปราบส่วยสติ๊กเกอร์ไม่หมด หลังสติ๊กเกอร์ส่วย “โสภณ 38” โผล่! รับปล่อยปละละเลยให้มีตำรวจทางหลวงนอกรีต กลับมามีพฤติการณ์เรียกรับผลประโยชน์อีก ฝากรัฐบาลใหม่ แก้กฎหมายน้ำหนักบรรทุก ป้องกันส่วยทางหลวง ด้าน พ.ต.อ.วิรุตม์ ถึงกับบอก “ขำกลิ้ง ยิ่งกว่า “เห็นลิงเล่นกับหมา”…”
@suebjarkkhao ส่วยสติ๊กเกอร์โผล่ ผบช.ก.ยัน ปัจจุบันไม่มีแล้ว "ผู้การเต่า" รับผิด "โสภณ 38" โผล่ วิรุตม์บอก ขำกลิ้ง" ยิ่งกว่า "เห็นลิงเล่นกับหมา"! "…กรณีผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง "พล.ต.ท.จิรภพ" ยืนยัน ไม่มีการจ่าย "ส่วยสติ๊กเกอร์" หากพบเบาะแสแจ้งได้เลย สวนทางกับ "ผู้การเต่า ทางหลวง" พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ที่ออกมายอมรับผิด ปมปราบส่วยสติ๊กเกอร์ไม่หมด หลังสติ๊กเกอร์ส่วย "โสภณ 38" โผล่! รับปล่อยปละละเลยให้มีตำรวจทางหลวงนอกรีต กลับมามีพฤติการณ์เรียกรับผลประโยชน์อีก ฝากรัฐบาลใหม่ แก้กฎหมายน้ำหนักบรรทุก ป้องกันส่วยทางหลวง ด้าน พ.ต.อ.วิรุตม์ ถึงกับบอก "ขำกลิ้ง ยิ่งกว่า "เห็นลิงเล่นกับหมา"…"
♬ เสียงต้นฉบับ – Suebjarkkhao
เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผย กรณีการร้องเรียนให้ตรวจสอบตำรวจทางหลวง หลังพบว่ามีการจ่ายเงินเพื่อแลกกับการบรรทุกน้ำหนักเกินตามจังหวัดต่างๆ ซึ่งมีสัญลักษณ์เป็นสติกเกอร์หลายรูปแบบ หรือที่เรียกว่า “ส่วยสติกเกอร์”
หลังจากที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้สั่งการให้ย้ายผู้บังคับการตำรวจทางหลวงไปแล้ว และให้ พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. ไปรักษาราชการแทนและตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว
ยืนยันว่า ขณะนี้ไม่พบว่า “มีการจ่ายส่วยสติกเกอร์แล้ว” แต่ก่อนหน้านี้ที่มีการร้องเรียนและสั่งย้ายตำรวจทางหลวงกว่า 40 นายมาตรวจสอบ เชื่อว่าบางส่วนมีการกระทำความผิด แต่ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรอรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากพลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ส่งมาให้อยู่ ซึ่งขณะนี้ตำรวจทางหลวงได้ปรับเปลี่ยนการทำงานมากขึ้น โดยเน้นการทำงานสืบสวนจับกุมกับหน่วยอื่นๆ เช่น การจับรถที่ขนยาเสพติด รถยนต์เถื่อน สวมป้ายทะเบียน การลักลอบค้ามนุษย์ เป็นต้น
ส่วนการตรวจสอบข้อเท็จจริงก็ยังมีอยู่ 3 ส่วน คือ ชุดตรวจสอบข้อเท็จจริงจากจเรตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และกองบังคับการตำรวจทางหลวง ซึ่งหากชุดใดพบความผิดก็จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างแน่นอน แต่การรับส่วยดังกล่าว เชื่อว่ามีคนกลางที่รับส่วย และส่งไปยังหลายหน่วยที่เกี่ยวข้อง ซึ่งยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งหากใครพบมีการจ่ายส่วยอยู่อีกก็สามารถแจ้งมาได้
ด้าน นายศุภศักดิ์ รุ่งเจิดฟ้า ประธานที่ปรึกษาสมาคมขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย และที่ปรึกษาสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว PPTV36 ว่า ตอนนี้ส่วยสติกเกอร์ส่วยเริ่มกลับมาแล้วบางส่วน
โดยรถที่จ่ายส่วย รับเคลียร์จะเป็นรถที่วิ่งระยะสั้น 3-4 จังหวัด เพราะรถระยะยาวจะเสี่ยง ตอนนี้เจ้าหน้ากวดขันจับกุมมากขึ้น ทั้งนี้จากข้อมูลพบว่า สติกเกอร์ส่วย ”โสภณ38” เป็นเพียงสติกเกอร์ส่วนหนึ่งที่ใช้กันในกลุ่มเล็กๆ ยังมีข้อมูลสติกเกอร์กลุ่มอื่นอีก ตอนนี้ทางสหพันธ์กำลังรวบรวมหลักฐานอยู่
และนอกจากแบบสติกเกอร์แล้ว ตอนนี้ยังพบแบบใหม่ ใช้วิธีการส่งทะเบียน ตั้งกลุ่มไลน์ หากรถถูกเรียกตรวจหรือถูกจับ คนขับรถก็จะแจ้งเลขทะเบียนและพิกัดที่ถูกจับ เพื่อให้คนรับเคลียร์ติดต่อเจ้าหน้าที่ให้ปล่อยรถ
ผบช.ก.ก้อง แถลงกับสื่อไปชั่วอึดใจ “ผู้การเต่า ทางหลวง” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ก็ออกมายอมรับผิด ปมปราบส่วยสติ๊กเกอร์ไม่หมด หลังส่วยสติ๊กเกอร์ “โสภณ 38” โผล่กลับมาอีก ยอมรับปล่อยปละละเลยให้มีตำรวจทางหลวงนอกรีต กลับมามีพฤติการณ์ เรียกรับผลประโยชน์อีก ฝากรัฐบาลใหม่ แก้ กม.น้ำหนักบรรทุก ป้องกันส่วยทางหลวง…
โดยเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 6 ก.ย.66 ที่ อาคารพิทักษ์สันติ ชั้น 16 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ(บก.ปปป.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม.
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รักษาราชการแทน ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง กล่าวถึงความคืบหน้าในการปราบปราม ส่วยสติ๊กเกอร์ พร้อมกับยอมรับผิดที่ปราบปรามไม่หมด เนื่องจาก ช่วงก่อนหน้านี้ ที่มีการปราบปราม ส่วยสติ๊กเกอร์ทางหลวง อย่างจริงจัง ส่วยสติ๊กเกอร์ ก็เงียบหายไป เนื่องจาก พลตำรวจโทจิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ ตนเอง มีความจริงจังในการปราบปรามเรื่องดังกล่าว แตาพอเรื่องเงียบ ก็มีเรื่องสติ๊กเกอร์โสภณ 38 กลับมาอีก ก็ต้องยอมรับความผิดพลาดที่ ปล่อยปละละเลยให้มีตำรวจทางหลวงนอกรีต กลับมามีพฤติการณ์ เรียกรับผลประโยชน์อีก ขณะนี้ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ หากพบว่ามีตำรวจทางหลวงเข้าไปเกี่ยวข้อง ก็จะดำเนินการอย่างเด็ดขาด
ทั้งนี้ ฝากถึง ผู้ประกอบการ ที่บรรทุกน้ำหนักเกิน ว่าการเรียกร้อง ให้ตำรวจทางหลวง แก้กฎหมายเรื่องน้ำหนักเกิน เป็นข้อเรียกร้องที่ไม่ถูกจุด ต้องไปเรียกร้องที่กระทรวงคมนมคม พร้อมทั้ง ฝากถึงรัฐบาลใหม่ โดยเฉพาะกระทรวงคมนาคม อยากให้มีการแก้ไขกฎหมาย เรื่องเพิ่มน้ำหนักรถบรรทุก เพื่อป้องกันส่วยทางหลวง และเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการ ไม่ต้องแบกรับต้นทุนจากการขนส่งสินค้า ที่ทำให้ไม่คุ้มค่า
ส่วนความคืบหน้า การดำเนินการกับตำรวจทางหลวง ที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับส่วยสติ๊กเกอร์ก่อนหน้านี้ มี ทั้ง หมด 40 คน ในจำนวนนี้ มี 29 คนที่เกี่ยวข้องกับส่วยสติ๊กเกอร์ และมี 6 คน ที่ประกอบด้วยนาย ตำรวจระดับ รอง ผกก. 1 นาย รองสารวัตร 1 นาย และชั้นประทวนอีก 4 นาย
ทั้ง 6 คนถูกดำเนินคดี และ ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. ไปแล้ว
ส่วนที่เหลือ อีก 11 คนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับส่วยสติ๊กเกอร์ แต่มีการไปเรียกรับผลประโยชน์ในเรื่องอื่น
โดยตำรวจทั้งหมด หลังจากมีคำสั่งย้าย ออกจากหน่วย เพื่อเข้าสู่กระบวนการสอบสวน และปัจจุบัน ได้ส่งตัวกลับหน่วยงาน โดยมีข้อแม้ 2 ประการ คือ ห้ามไปปฏิบัติหน้าที่ ที่ยุ่งเกี่ยวกับประชาชน และห้ามเรียกรับผลประโยชน์โดยเด็ดขาด
ส่วนการโยกย้ายตามฤดูกาลครั้งต่อไป นายตำรวจทั้ง 40 นาย ที่ถูกสอบเรื่องส่วยสติ๊กเกอร์ทั้งหมดนี้ จะพิจารณา ให้ย้ายออกจากสังกัด กองบังคับการตำรวจทางหลวง
พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ยังฝากถึงประชาชน และผู้ประกอบการ หากมีการเรียกรัลส่วยสติ๊กเกอร์ ให้แจ้งเบาะแส มาที่ กองบังคับการตำรวจทางหลวง และ กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เพื่อขุดรากถอนโคนตำรวจทางหลวงนอกรีตให้หมด
กรณีส่วยทางหลวง ส่วยสติ๊กเกอร์ หรือส่วยสารพัดส่วยบนทางหลวง ชาวบ้านฟังตำรวจแถลงกันไปคนละทิศคนละทาง ต่างพากันบอกว่า “งง” เอ๊ะมันยังไงกัน ตำรวจเหมือนกัน หน่วยงานรับผิดชอบเชื่อมประสานกัน แต่ทำไม๊พูดไม่เหมือนกัน ซึ่งเรื่องนี้อดีตนายตำรวจอย่าง พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร บอกกับผู้สื่อข่าวว่า
“ขำกลิ้ง” ยิ่งกว่า
“เห็นลิงเล่นกับหมา”!
ผบช.ก. ยัน ปัจจุบัน “ส่วยทางหลวง” ไม่มีแล้ว!
สืบจากข่าว รายงาน