รัฐสภา วันนี้ ( 2 ต.ค.) แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเกิดเหตุถูกไล่ออกจากร้านอาหารระหว่างเดินทางไปต่างประเทศ ว่า การเดินทางไปทริปดังกล่าวเนื่องจาก ไปเรียนหลักสูตรของสถาบันพระปกเกล้า ฯ จึงมีเพื่อนร่วมรุ่นที่เป็น ส.ส.เดินทางไป โดยจะมีการจัดเดินทางไปต่างประเทศปีละครั้ง ปกติจะเดินทางไปช่วงของการปิดสมัยประชุม ซึ่งได้มีการจองมาเป็นปี แต่สภาชุดนี้มามีการเลือกตั้ง และเหตุที่เกิดขึ้นเกิดจาก วันนั้นเราได้ไปหาร้านอาหารและระหว่างกำลังรอเลือกอาหาร ก็มีน้องคนหนึ่งวิ่งเข้ามาถือโทรศัพท์ไลฟ์สดมา และเป็นความโกรธ ซึ่งโดยส่วนตัวเจอเรื่องนี้มาเยอะมาก สำหรับความเกลียดที่เกิดจากไม่รู้จักกัน ก็รู้สึกแค่ว่าเห็นใจเขาจังเลย ทั้งที่เรื่องนี้ผ่านไปพักหนึ่งแล้ว และเห็นว่าเหมือนไกลตัว จึงไม่พูดอะไร และคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้น แต่วันรุ่งขึ้นกลับกลายเป็นประเด็นใหญ่ เพราะเขาเอาไปลงโซเชียลเอง ซึ่งหมอก็ลำบาก เพราะมีคนมาขุดข้อมูลสู้กัน
หมอพรทิพย์ ยังกล่าวว่า โดยส่วนตัวก็ไม่คิดจะทำอะไรกับเขา เพราะตอนแรกเป็นเรื่องลับรู้กันแค่สองฝ่าย แต่เมื่อสื่อนำไปเปิดเผยก็ถือเป็นเรื่องของสังคม แต่หมอยังยืนยันเหมือนเดิม ว่าใดๆ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิต ก็เพราะเราเคยทำ ดังนั้นเราจะไม่ตอบโต้ และเราก็จะมุ่งหน้า เป้าหมายคือการทำความดี
เมื่อถามว่า จะทำอย่างไรกับกรณีของผู้เห็นต่างและมีลักษณะแบบนี้ แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่า เข้าใจทุกฝ่าย คือการเมืองในหลักไม่ใช่การเมืองชองเด็กรุ่นใหม่ มันมีเรื่องของผลประโยชน์และอำนาจ และมันก็มีเรื่องปิดปาก ผูกขาด ในช่วงเวลา 8-9 ปีที่ผ่านมาจึงก่อให้เกิดแรงกดดันที่ไปห้ามเขาไว้ ซึ่งเรื่องทั้งหมดจริงๆ หมอเคยคุยกับพรรคก้าวไกลแล้วว่า หมอพร้อมโหวตให้ ขอเพียงอย่างเดียวให้ถอดมาตรา 112 ส่วนต่อไปจะทำอย่างไรก็ไม่อาจจะบอกได้ เพราะเป็นเรื่องที่มีปัจจัยหลายอย่าง ถ้าจะแก้ต้องแก้ที่ระบบการศึกษาที่ให้เราคิดเอง อย่างเชื่อสิ่งที่ตาเราเห็น หูเราฟัง ถ้าเราไม่ได้วิเคราะห์เอง เพราะบางทีเราฟังเราเห็นแล้วเชื่อ บางทีมันก็ไม่ใช่ของจริง
เมื่อถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคุณหมออาจกลายเป็นโดมิโน่กับ ส.ว. คนอื่น แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อว่ากรรมของคนอื่น เป็นเรื่องของตัวเอง ในกรณีนี้จะเห็นได้ว่า หมออยู่เฉยๆ ที่ไม่ให้สัมภาษณ์ เพราะไม่ต้องการให้เปิดประเด็นให้กว้าง แต่กลายเป็นว่ามีผู้คนมากมายออกมาให้กำลังใจช่วยกันปกป้อง แต่สังคมตอนนี้อาจถูกทำให้เชื่อได้ง่าย จึงไม่มองว่าจะเป็นโดมิโน่
“ขออนุญาตบอกตรงๆ ว่าเราต้องช่วยกัน ในแง่สื่อ เรื่องที่เกิดขึ้นถ้าจะช่วยกันป้องกัน เรื่องที่เป็นหลัก คือก้าวร้าว และสุดท้ายก็ลามปามที่อาจจะทำให้เขาโดนอะไร สื่อจะต้องช่วยให้อยู่ในเส้น อย่าวิ่งออกไปแล้วเที่ยวไปขุดเรื่องนั้นเรื่องนี้ ซึ่งไม่ใช่ประเด็นหลัก ส่วนเรื่องที่สองไม่ฝากอะไรถึงคนรุ่นใหม่ เชื่อว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนไปโดยธรรมชาติ แต่ทั้งหมดเป็นภาพสะท้อน ว่าเสพการเมืองมากไปก็มากระทบกับทุกอย่าง ส่วนตัวหมอเองขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจ “ หมอพรทิพย์กล่าว
หมอพรทิพย์ ยังชี้แจงว่า ในวันที่เกิดเหตุไม่ได้ชี้แจงกับคู่กรณี เพราะในชีวิตหมอไม่เคยสามารถพูดแล้วทำให้คนเปลี่ยนใจได้ แต่สิ่งที่เราเรียนรู้ก็คือ ไม่รับมันเข้ามาให้เราทุกข์ แล้วก็เดินจากไป คือไม่ได้ชี้แจงอะไร เพราะตอนแรกเขาพูดถึง ส.ว. ส.ส. แต่ตอนหลักเขาเข้ามาเลยว่าอีนี่ อย่างนั้น อย่างนี้ เราก็ไม่ได้ชี้แจง แต่เชื่อว่าถ้ายังอยู่ในร้านต่อน่าจะมีเรื่องทำร้ายร่างกาย เพราะเขาชี้หน้าเรา ไล่ เหมือนหมา พูดทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย ไล่ต่อหน้าคนที่ทานอาหารอยู่ในร้าน
เมื่อถามว่าเหตุการณ์ตอนนั้นตกใจหรือไม่ หมอพรทิพย์ กล่าวว่า ไม่ ตอนนี้อายุ 69 แล้ว ผ่านแบบนี้มามาก เราไม่เปิดประตูรับมัน มันก็ไม่เข้ามาทำร้ายเรา คำสอนของพระทำให้เราจำไว้เสมอ ว่า พัสดุถ้าส่งแล้วไม่มีคนรับ มันจะกลับไปสู่คนส่ง สำหรับตนเองถือว่าจบ ไม่คิดที่จะฟ้องร้อง และไม่ทำอะไร เดินหน้าต่อและทำความเข้าใจมากขึ้น ส่วนที่ ส.ว.จะต้องระมัดระวังมากขึ้น คือเขาไม่แยกเรื่องพวกนี้ เขาก็อาจจะคิดว่าเป็นตัวอย่าง จึงต้องระมัดระวัง
แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ ยังกล่าวถึงเรื่องการลงไปนอนทับลาวามอส ว่าเป็นความผิดพลาดของตนเองที่ไม่รู้ว่ามีระเบียบหรือกฎหมาย ที่ผ่านมาเห็นสารคดีบนเครื่องบินจะมีคนนอนอยู่บนลาวามอส จึงไม่ได้คิดอะไรมาก ซึ่งตรงไหนที่มีป้ายห้ามเราก็ไม่เข้าเลย แต่ตรงจุดนี้มีที่จอดรถ และมีคนจอด เราจึงเข้าไป ดังนั้นถ้าเป็นเรื่องลาวามอสต้องกล่าวขออภัย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ มาร่วมประชุมวุฒิสมาชิกตามปกติ