เปิดเผยว่า ได้นำหลักฐานเข้ายื่นที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและ ประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. เพื่อขอให้ตั้งคณะกรรมสืบสวนสอบสวนตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ ที่มีพฤติการบังคับผู้ต้องหาให้เปิดบัญชีม้า แลกกับการไม่ถูกดำเนินคดี หลังจาก ญาติของ นายพุฒิพงศ์ ผู้ต้องหาที่ถูกตำรวจสภ.สำโรงเหนือ จับกุมในคดียาเสพติด เมื่อปี 2565 ก่อนจะถูกตำรวจควบคุมตัวเข้าไปต่อรองในห้องสืบสวน โดยเสนอให้เปิดบัญชีม้า และถูกปล่อยตัวออกมา
ต่อมาช่วงเดือนเมษา 2566 ตำรวจชุดดังกล่าวมีพฤติกรรมในลักษณะเช่นเดิม โดยตั้งด่านจับกุมผู้ขับขี่ที่มียาเสพติกไว้ในครอบครอง จากนั้ยจึงบังคับให้เปิดบัญชีม้า ก่อนจะส่งมอบบัญชีและบัตรเอทีเอ็มให้ตำรวจนายหนึ่ง ซึ่งเป็นตำรวจ 1 ใน 8 นาย ที่ถูกจับกุมคดีเว็บพนันออนไลน์ เครือข่ายมินนี่ โดยตำรวจคนดังกล่าวเป็นผู้กำกับดูแลบัญชีกว่า 50 บัญชี รวมมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท
ส่วนกรณีของ พลตำรวจโท ไพโรจน์ กุจิรพันธ์ นายกสมาคมพนักงานสอบสวน ที่รับเงินมาจาก พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดือนละ 50,000 บาท นายอัจฉริยะระบุว่า ตรวจสอบพบว่าเงินถูกโอนมาบัญชีหญิงคนหนึ่ง ซึ่งตำรวจจะต้องขยายผลว่าเป็นบัญชีม้าและมีส่วนเกี่ยวข้องกับพันตำรวจโท คริษฐ์ ปริยะเกตุ รองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน สภ.สำโรงเหนือรองหรือไม่
ส่วนการเข้าร้องดำเนินคดีในวันนี้ ยืนยันว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ของ ที่ชุดจับกุม PCT ดำเนินการอยู่ แต่ครั้งนี้ต้องการที่จะดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ ในข้อหาฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่มาตรา 157 รวมทั้งคืนนี้จะเปิดเผยคลิปเสียงที่นายพุฒิพงศ์ เล่าให้ญาติฟังเกี่ยวกับการบังคับให้เปิดบัญชีม้า และในวันพรุ่งนี้ (3 ต.ค.66) จะนำพยาน ที่เบิกเงินจากบัญชีม้าจำนวน 10 ล้านบาท ให้กับบิ๊กโจ๊ก ซึ่งการกระทำความผิด นี้ ผิด มาตรา 157 โดยในสัปดาห์หน้า จะเำเนินคดี มาตรา 157 กับ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ ด้วยเช่นกัน พร้อมยืนยันว่าการออกมาร้องดำเนินคดีไม่ได้รับคำสั่งจากใคร
ส่วนการที่มีภาพปรากฏนายอัจฉริยะไปร่วมทำบุญกับ พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้มีการนัดหมายกันไป เป็นความบังเอิญที่ใครก็สามารถไปเจอกันตอนทำบุญได้ โดยตนเองได้รับเชิญจากเจ้าอาวาสให้ไปร่วมงานเท่านั้น
