วันที่ 7 ตุลาคม 2566 โดยสถานที่จัดฉีดวัคซีนศูนย์การค้าเซ็นทรัลจันทบุรี มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยในสตรีทั่วโลก พบได้ตั้งแต่วัยสาวถึงวัยชรา ส่วนใหญ่พบในช่วงอายุ 30-50 ปี ในแต่ละปีผู้หญิงทั่วโลกป่วยด้วยโรคมะเร็งปากมดลูกเพิ่มขึ้นปีละ 600,000 คน เสียชีวิตปีละ 340,000 คน มะเร็งปากมดลูกเป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทย โดยพบเป็นอันดับ 2 ของมะเร็งในสตรีไทย รองจากมะเร็งเต้านม จากข้อมูลของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ในปี 2565 มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปากมดลูกประมาณ 4,500 รายต่อปี และพบผู้ป่วยรายใหม่ประมาณ 8,000 คน ต่อปี นั่นคือจะมีสตรีไทยที่เสียชีวิตจากโรคมะเร็งปากมดลูกวันละ 8-10 ราย ซึ่งก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก สำหรับจังหวัดจันทบุรี ในปี 2565 พบผู้ป่วยมะเร็งในเพศหญิง 3 อันดับแรก ได้แก่ มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ และ มะเร็งปากมดลูก ตามลำดับ โดยพบมะเร็งปากมดลูก 38.79 ต่อ 100,000 ประชากรในสตรีอายุ 30 ถึง 60 ปี เชื้อเอชพีวีเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกได้มากที่สุดถึง 70% และมีโอกาสพัฒนาเป็นมะเร็งปากมดลูกได้มากกว่าคนที่ไม่ติดเชื้อเอชพีวี ถึง 35 เท่า ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกที่พบบ่อย ได้แก่ HPV 16, 18, 31, 33, 45, 52, 58 องค์การอนามัยโลกมีนโยบายในการกำจัดโรคมะเร็งปากมดลูกภายในปี 2030 สำหรับประเทศไทยมีแผนการป้องกันและควบคุมโรคมะเร็งแห่งชาติ พ.ศ.2561-2565 ครอบคลุมตั้งแต่การป้องกัน การคัดกรอง และการรักษา โดยได้บรรจุในแผนการดำเนินงานของเขตสุขภาพทุกแห่งทั่วประเทศ การคัดกรองมะเร็งปากมดลูก เป็นการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกสำหรับสตรีด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงจากการตรวจหาดีเอ็นเอของเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV DNA) โดยสามารถตรวจได้ถึง 14 สายพันธุ์ หรืออาจใช้ HPV Self Sampling ตรวจคัดกรองด้วยตนเอง ส่วนด้านการป้องกัน เป็นการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก หรือ วัคซีน HPV ซึ่งสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้เพิ่มสิทธิประโยชน์ฉีดวัคซีน HPV ให้กับนักเรียนหญิง ป.5 ทั่วประเทศ ตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา ที่ผ่านมา ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับโรงพยาบาลพระปกเกล้า ได้จัดโครงการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัส เอช พี วี ชนิด 4 สายพันธุ์ ที่ได้รับจากสภากาชาดไทย จำนวน 2,000 โดส ให้แก่นักเรียนและนักศึกษาหญิง อายุ 15-21 ปี ที่ศึกษาในจังหวัดจันทบุรี โดยเริ่มเข็มที่ 1 ในวันที่ 12 สิงหาคม 2566 และจะครบกำหนดฉีดเข็มที่ 2 และ 3 ในวันที่ 7 ตุลาคม 2566 และวันที่ 10 กุมภาพันธุ์ 2567 ตามลำดับ ดังนั้น กลุ่มงานสูติเพื่อลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งปากมดลูกแก่กลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ
