วันนี้ (7 มี.ค.) เวลา 13.00 น. ที่ กก.1 บก.สอท. 1 กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี อาคารบี ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ น.ส.เชอรี่ (นามสมมุติ) อายุ 37 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว พร้อมผู้เสียหายจำนวน 10 คน เข้าแจ้งความต่อ พนักงานสอบสวน สท.1 บช.สอท. เพื่อดำเนินคดีกับ น.ส.นวลละออ (สงวนนามสกุล) ข้อหา “ฉัอโกงประชาชน” กรณีโพสต์อินสตาแกรม หลอกขายสินค้าแบรนด์เนม จนมีผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินรายหลาย ความเสียหายหลักล้านบาท
น.ส.เชอรี่ เผยว่า ช่วงเดือน ม.ค.65 คนร้ายได้โพสต์รูปกระเป๋าแบรนด์เนมหรูหลายยี่ห้อ ฝากขายผ่านอินสตาแกรม เมื่อมีผู้สนใจจะทักไปดูสินค้าเพิ่มเติมในแอปพลิเคชั่นไลน์ของคนร้าย มีการทักข้อความพูดคุยสร้างความน่าเชื่อถือ ตนจึงสั่งซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมยี่ห้อดิออร์ ราคา 7 หมื่นกว่าบาท แต่ถึงกำหนดรับสินค้ากลับส่งเป็นครีมอาบน้ำและสบู่แทน เมื่อจะติดต่อกลับคนร้ายบล็อกไลน์หนี ทั้งนี้ ได้ตรวจสอบรูปสินค้าในอินสตาแกรมคนร้ายพบว่าเป็นรูปที่ก๊อปปี้มาจากคนอื่นเพื่อนำมาแอบอ้าง
น.ส.เชอรี่ เผยอีกว่า ตนจึงได้ตรวจสอบบัญชีการโอนเงินปลายทางปรากฎว่าคนร้ายใช้บัญชีม้าเพื่อป้องกันการติดตามได้ยากขึ้น กระทั่งสามารถตามตัวบัญชีม้าได้ โดยเจ้าของบัญชีสารภาพว่าเป็นคนมีรายได้น้อยต้องการกู้เงินออนไลน์ และมีคนร้ายทักมาหาเพื่อช่วยเหลือ แต่ขอสมุดบัญชีในการโอนเงินตามบัญชีต่างๆ และรู้จักกับคนร้ายในฐานะคนปล่อยเงินกู้เท่านั้น ซึ่งอาจมีให้ค่าดำเนินการบ้าง 100-500 บาทในการโอนเงิน เช่น มีคนโอนเงินเข้ามา 22,000 บาท ให้โอนต่อ 20,000 บาท ไปยังอีกบัญชี เป็นต้น
คนร้ายทำกันเป็นกรุ๊ปหลอกให้คนมากู้เงินนอกระบบ แล้วเอาบัญชีคนกู้มาเป็นบัญชีม้าหลอกขายสินค้าแบรนด์เนม โดยแจ้งเจ้าของบัญชีที่กู้เงินว่ามีการโอนเงินผิด โอนเงินเกินบ้าง หรือว่าเป็นเงินค่าธรรมเนียมบ้าง ก่อนจะให้โอนไปบัญชีม้าที่สอง ที่สามต่อ ซึ่งผู้เสียหายที่ซื้อสินค้าแบรนด์เนมโอนเงินผ่านบัญชีม้าธนาคารต่างๆ กว่า 10 บัญชี
น.ส.สวย (นามสมมุติ) อายุ 32 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 18 ม.ค.เวลาประมาณ 2 ทุ่มที่ผ่านมา ตนได้ตกลงขายกระเป๋าสตรียี่ห้อ หลุยส์ วิตตอง ราคา 77,000 บาท ให้กับ น.ส.นวลละออ (สงวนนามสกุล) ส่งกระเป๋าไปให้แล้วแต่ น.ส.นวลละออ ไม่โอนเงินค่ากระเป๋าให้ ทราบต่อมาว่า น.ส.นวลละออ เอากระเป๋าใบดังกล่าวไปขายต่อ จึงได้แจ้งความต่อ ร.ต.อ.ชนะชัย พันธ์วิไล รอง สว.(สอบสวน) สน.โคกคราม
น.ส.สวย กล่าวเพิ่มเติม ทราบต่อมาภายหลังว่า น.ส.นวลละออ ผู้ต้องหารายนี้เคยถูกจับข้อหาฉ้อโกง หลอกซื้อ-ขายกระเป๋าแบรนด์เนมมาแล้วหลายครั้ง และมีหมายจับติดต่ออีกหลายคดี
ด้าน น.ส.ฝน (นามสมมุติ) อายุ 38 ปี เจ้าของบัญชีม้า ที่ถูกผู้เสียหายแจ้งความจับ เล่าว่า ตนรู้จักกับตัว น.ส.นวลละออ ผ่านทางเฟซบุ๊กซึ่งตอนนั้นตนอยากจะกู้เงิน เมื่อติดต่อไปก็ให้แอดไลน์ โดยตนต้องการที่จะกู้เงินจำนวน 5,000 บาท จากนั้น 1 อาทิตย์ต่อมา น.ส.นวลละออ ได้ทักกลับมาพร้อมขอบัตรประชาชน หน้าสมุดบัญชี และที่อยู่ แต่ยังไม่ทันได้เงินกลับมาเสนองานให้ตนทำโดยบอกว่าจะมีลูกค้าโอนเงินเข้ามาในบัญชี และให้ตนโอนไปยังบัญชีอื่น ซึ่งตนได้ถามไปว่ามันผิดกฏหมายหรือไม่ แต่กลับได้รับการตอบกลับมาว่าไม่ผิดและไม่ต้องกลัว เพราะเป็นเมียตำรวจ ซึ่งตอนนั้นมีการนำภาพตำรวจมาให้ดู ตนจึงหลงเชื่อรับงาน กระทั่งมาทราบอีกทีก็ตอนที่มีผู้เสียหายที่โอนเงินมาบัญชีตน บอกว่าให้เข้ามาพบตำรวจ จึงมาทราบว่าตนตกเป็นผู้ต้องหาบัญชีม้าไปแล้ว ที่ผ่านมามีการโอนเงินมาให้ตนประมาณ 10 ครั้ง 50 – 30,000 บาท ซึ่งตนจะได้ค่าเสียเวลาครั้งละ 500-1,000 บาท ตนยืนยันว่าไม่มีเจตนาที่จะหลอกผู้เสียหายแต่ตอนถูกหลอกมาอีกต่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.นวลละออ สาวแสบรายนี้ เคยถูก บก.ปอท.จับเมื่อ 15 พ.ค.62 ตามหมายจับศาลอาญาที่ 666/2562 ลงวันที่ 14 พฤษภาคม 2562 ฐาน “ฉ้อโกงประชาชนและนำเข้าข้อมูลเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ม.14(1)” หลังเปิด ไอจี.หลอกขายสินค้าแบรนด์เนม โดยรับสารภาพว่ามีปัญหาด้านการเงิน ที่ก่อเหตุเพราะจะนำไปเงินหมุนใช้หนี้ นอกจากนี้ยังมีประวัติในคดีอาญาฐานฉ้อโกงอีก 2 พื้นที่ เมื่อปี 2560 และ 2561
18 พ.ค.2563 บก.สส. บช.น.จับ น.ส.นวลละออ ผู้ต้องหา “ฉ้อโกงประชาชน” ตามหมายจับของศาลอาญาพระโขนง ที่ จ.209/2563 ลงวันที่ 31 มี.ค.2563 เปิด ไอจี.โพสต์กระเป๋าแบรนด์เนมหลอกคนซื้อโอนเงินเต็มจำนวนหรือมัดจำบ้าง มีผู้เสียหายจำนวนมาก โดยอาศัยเคยขายของแล้วมีคนติดตามเยอะ จึงหลงเชื่อแต่กลับไม่ส่งของให้ ชุดจับกุมคาดว่าผู้ต้องหาจะเอาเงินไปใช้จ่ายทำศัลยกรรมใบหน้า
วันที่ 8 พ.ย.63 บก.ปพ.บช.ก. จับ น.ส.นวลละออ ตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.775/2563 ข้อหาฉ้อโกงประชาชน โดย น.ส.นวลละออ รับสารภาพว่า เปิดร้านออนไลน์เพื่อหลอกขายกระเป๋าแบรนเนมด์ มาตั้งแต่ปี 2559 โดยใช้วิธีโพสต์ขายในราคาต่ำกว่าร้านค้าทั่วไป เหยื่อส่วนใหญ่ที่สนใจ และอยากได้จนกลัวว่าจะซื้อกระเป๋าใบนั้นได้ไม่ทัน ก็จะรีบโอนเงินมาให้เต็มจำนวน เมื่อได้เงินแล้วก็จะรีบปิดทุกช่องทางการติดต่อ เงินที่ได้มาก็จะนำไปใช้จ่ายเที่ยวเตร่ส่วนตัว ที่ผ่านมาเคยถูกจับมาแล้วถึง 3 ครั้ง แต่ว่าไม่เข็ด ก็เพราะเป็นวิธีที่การหาเงินมาง่ายๆ