วันศุกร์, กันยายน 20, 2024
หน้าแรกอาชญากรรมตร.ไซเบอร์จับเครือข่ายหลอกทำงานเสริมออนไลน์อ้างเหตุผลหลอกโอนเงินรัวๆ เหยื่อสูญหมดบัญชีกว่า 1.7 ล้าน

Related Posts

ตร.ไซเบอร์จับเครือข่ายหลอกทำงานเสริมออนไลน์อ้างเหตุผลหลอกโอนเงินรัวๆ เหยื่อสูญหมดบัญชีกว่า 1.7 ล้าน

สืบเนื่องจาก เมื่อประมาณปลายเดือนสิงหาคม 2565 ผู้เสียหายต้องการหาอาชีพเสริมทำ จึงค้นหาผ่าน Facebook พบโพสต์โฆษณารับคนหารายได้พิเศษ อ้างว่าชื่อบริษัท PRIMAL COMPANY LIMITED จนได้ติดต่อพูดคุยกันผ่านแพลตฟอร์ม Facebook Messenger โดยแอดมินได้แนะนำเกี่ยวกับการนำเงินมาลงทุน ซื้อสินค้า อ้างว่าเพื่อเป็นการช่วยเพิ่มยอดขายให้กับร้านค้าต่างๆ หากทำแล้วจะได้เงินทุนคืนพร้อมค่าคอมมิชชั่นตอบแทน

ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงร่วมลงทุนผ่านเว็บไซต์ที่มิจฉาชีพสร้างขึ้น โดยมิจฉาชีพได้ส่งเลขบัญชีมาให้ ผู้เสียหายจึงโอนเงินไป ครั้งแรกจำนวน 10,000 บาท ครั้งที่ 2 จำนวน 19,927 บาท ต่อมาครั้งที่ 3 มิจฉาชีพอ้างว่ามีค่าส่วนต่างสินค้า จึงให้โอนเพิ่มอีก 1,586.60 บาท ต่อมาโอนครั้งที่ 4 จำนวน 61,141.80 บาท ครั้งที่ 5 จำนวน 153,960 บาท หลังจากโอนยอดครั้งที่ 5 มิจฉาชีพได้แจ้งผู้เสียหายว่า ต้องโอนเงินเพื่อปิดงาน มิเช่นนั้นไม่สามารถถอนเงินทั้งหมดได้ จึงโอนไปอีก 153,960 บาท เป็นครั้งที่ 6

ต่อมา มิจฉาชีพแจ้งว่าต้องเสียค่าภาษีก่อนจึงจะถอนเงินได้ จึงโอนเงินให้ไปอีก 205,668 บาท จากนั้นมิจฉาชีพแจ้งว่าผู้เสียหายไม่ได้ลงบันทึกไว้ท้ายใบเสร็จว่าเป็นค่าชำระภาษี ต้องโอนเงินใหม่อีกครั้งในยอดเงินเท่าเดิม พร้อมให้ระบุท้ายใบเสร็จว่า “ชำระค่าภาษี” ผู้เสียหายจึงได้โอนเงินไปอีก 205,668 บาท หลังจากนั้นคนร้ายได้บอกกับผู้เสียหายว่าสามารถถอนเงินได้แล้ว จึงได้พยายามกดถอนเงินทั้งหมด แต่พบว่าไม่สามารถถอนได้ มิจฉาชีพอ้างว่าระบบล๊อค ต้องโอนเงินเพิ่มตามยอดที่ระบุเพื่อยืนยันตัวตนก่อน ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเพิ่มอีก 666,000 บาท

ไม่เพียงเท่านั้น มิจฉาชีพแจ้งอีกว่า ยอดลงทุนของผู้เสียหายต้องถึงขั้นต่ำที่กำหนดก่อน จึงจะสามารถถอนเงินทั้งหมดได้ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไปอีก 235,706.40 บาท และหลอกให้โอนเงินเพิ่มอีกหลายครั้ง จนสุดท้าย มิจฉาชีพแจ้งว่าต้องชำระค่าภาษีอีกครั้ง และแจ้งให้โอนเงินเพิ่มอีกประมาณ 6 แสนบาท แต่ผู้เสียหายไม่เชื่อ และรู้ตัวว่าโดนหลอกแล้ว จึงได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ รวมความเสียหายทั้งสิ้น 1,713,617.80 บาท

ต่อมา พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ บก.สอท.3 ดำเนินการสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี จนสามารถขอศาลออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องได้หลายราย ซึ่ง กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 ได้สืบทราบว่า น.ส.สริตา อายุ 30 ปี หนึ่งในผู้กระทำผิดซึ่งถูกออกหมายจับโดยศาลอาญา ทำงานอยู่ในตลาดวังสมบูรณ์ อ.วังสมบูรณ์ จว.สระแก้ว จึงทำการวางแผนเข้าจับกุมได้ในที่สุด พร้อมแจ้งข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” นำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท.,พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.๓, พ.ต.อ.พงศ์นรินทร์ เหล่าเขตกิจ ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.๓, สั่งการให้
พ.ต.ท.ภาคภูมิ บุญเจริญพานิช รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3, พ.ต.ท.เลอศักดิ์ พิเชษฐไพบูลย์ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ พ.ต.ต.รุ่งเรือง มีสติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ, พ.ต.ต.ธวัช ทุเครือ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ, พร้อมชุดสืบสวนร่วมกันจับกุม

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts