10.00 น. วันที่ 10 พ.ย.2566 ที่ศูนย์แจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ พานายประพันธ์ วลีเจริญผล และ นางสาคร วลีเจริญผล อายุ 46 ปี สองสามีภรรยาอดีตเจ้าของโรงงานแห่งหนึ่ง จ.สมุทสาคร ร้องขอความช่วยเหลือต่อกองบังคับการปราบปราม หลังถูก น.ส.กนกพร กับพวก ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวฯ และขู่เรียกเงินจํานวนกว่า 2 ล้านบาท
นายประพันธ์ ผู้เสียหายกล่าวว่า เหตุเกิดหลังจากที่ตนเองได้ขายกิจการโรงงานดังกล่าวให้กับ ผู้ซื้อคือ น.ส.กนกพร ในราคา 35 ล้านบาท ซึ่งได้ทําการจ่ายเงินมาแล้วจํานวน 33 ล้านบาท โดยมีเช็ครอจ่ายอีก 2 ล้านบาท แต่เนื่องจากซื้อขายระหว่างการถ่ายโอนตนจึงไปพูดคุยกับทางซัพพลายเออร์ ที่เคยสั่งซื้อวัตถุดิบก่อนหน้านี้และยังมีหนี้ที่ค้างชําระกันอยู่ โดยตนได้เข้าไปเจรจาแล้วว่าจะจ่ายให้หลังได้รับเงินอีก 2 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมามีการทยอยจ่ายเงินคืนเจ้าหน้าหนี้ที่เคยค้างชําระอยู่ตลอดตั้งแต่ขายโรงงานได้ แต่สุดท้ายซัพพลายเออร์กลุ่มนี้ได้ไปพูดคุยกับผู้ซื้อ และร่วมกันวางแผนหลอกล่อให้ตนเข้าไปซ่อมเครื่องจักรในโรงงาน แต่สุดท้ายเป็นการหลอกเข้าไปกักขังหน่วงเหนี่ยวและรีดเงินจํานวนกว่า 2 ล้านบาท
ด้านนางสาคร กล่าวว่า ตนสังเกตเห็นว่าสามีหายนายจึงโทรไปสอบถาม จนทราบว่าสามีถูกกักขังอยู่ภายในโรงงานพร้อมกับถูกรีดเงินจํานวน 2 ล้านบาท ตนจึงนําเช็คเงินสดไปให้และยื่นเช็คตรงประตูหน้าโรงงาน ซึ่งตนได้แจ้งตํารวจแล้ว แต่เมื่อตํารวจมาถึงไม่สามารถเข้าได้เนื่องจากไม่มีหมายค้น จากนั้นสามีโทรเรียกให้ตนเข้าไปในโรงงาน ซึ่งทางคู่กรณีมีการต่อว่าทํานองไม่พอใจที่ไม่ชําระหนี้ ซึ่งตนยืนยันว่าจะชําระแต่ขอขึ้นเช็คได้ก่อน หลังจากนั้นเขาได้ยึดเช็คไปพร้อมกับยังข่มขู่เรียกเงินอีก 2 ล้านบาท หากไม่จ่ายจะไม่ให้ออกจากโรงงาน สุดท้ายตนกับสามีจึงตัดสินใจโอนเงินจ่ายรวมประมาณ 2.1 ล้านบาท ส่วนเช็คโดยยึดไป พอทวงคืนเขาบอกว่าอยากได้คืนให้ไปฟ้องศาล
นายประพันธ์ กล่าวเพิ่มว่า เบื้องต้นได้แจ้งความดําเนินคดีไว้แล้วที่ สภ.กระทุ่มแบน และติดต่อจ้างทนายความชื่อดังให้ช่วยดูแลคดี โดยจ่ายเงินไปจํานวน 1 แสนบาท แต่คดีไม่คืบหน้าและเงียบหายไป จนสุดท้ายต้องมาร้องขอให้ “จ่าคิงส์” ช่วยเหลือ
ทั้งนี้ นายธมนันท์ หรือจ่าคิงส์ กล่าวว่า ตนนําผู้เสียหายทั้งสองคนมาร้องยังกองบังคับการปราบปราม เนื่องจากคู่กรณีอ้างว่ารู้จักอัยการและเกรงไม่ได้รับความปลอดภัย และฝากขอให้ ผบก.ภ.จว.สมุทรสงครามช่วยติดตามคดีเนื่องจากผ่านมาเกือบปีแล้วแต่คดียังไม่คืบหน้า
เบื้องต้นพนักงานสอบสวน บก.ป.ได้ติดต่อประสานให้ตำรวจท้องที่ สภ.กระทุ่มแบน เร่งรัดดำเนินคดีตามที่ผู้เสียหายแจ้งความไว้
