สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 18 ต.ค.65 ได้มีโทรศัพท์จากบุคคลไม่ทราบชื่อ โทรมาหาผู้เสียหาย อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากร ได้สอบถามข้อมูลส่วนตัวของผู้เสียหาย ผู้เสียหายเชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่จริง จึงได้บอกข้อมูลส่วนตัวไป
ต่อมาบุคคลดังกล่าวได้แอดไลน์เป็นเพื่อนผู้เสียหาย ชักจูงใจให้ผู้เสียหายให้โหลดแอปพลิเคชัน เพื่อดูแลอำนวยความสะดวกด้านภาษี และเมื่อผู้เสียหายโหลดแอปพลิเคชันพร้อมแจ้งเลข OTP ให้กับคนร้ายแล้ว โทรศัพท์ของผู้เสียหายก็เกิดมีปัญหาที่หน้าจอ ผู้เสียหายจึงได้รีบปิดเครื่องโทรศัพท์ และต่อมาผู้เสียหายเปิดเครื่องโทรศัพท์มาอีกครั้ง ได้ตรวจสอบพบว่าเงินในบัญชีธนาคารของผู้เสียหาย ถูกโอนไปยัง ชื่อบัญชี น.ส.อธิตินันท์ จำนวนเงินที่โอนไป 180,198 บาท ผู้เสียหายจึงทราบว่าถูกหลอกลวง จึงมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน
พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 ส่งเจ้าหน้าที่สืบสวนเร่งหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย จนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออำนาจศาลออกหมายจับผู้เกี่ยวข้อง
ต่อมา วันที่ 9 พ.ย.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากสายลับว่าพบ น.ส.อธิตินันท์ ปรากฎตัวอยู่ที่ปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์ฉลองกรุง แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร พ.ต.ท.ศักดิ์สิทธิ์ ชูบุญเรือง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 ได้นำกำลังชุดสืบสวนร่วมกันลงพื้นที่ติดตามจับกุม น.ส.อธิตินันท์ อายุ 19 ปี ชาว จ.ศรีสะเกษ ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1
และ พ.ต.อ.ศุภรฐโชติ จำหงษ์ ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 สั่งการให้ พ.ต.ท.ศักดิ์สิทธิ์ ชูบุญเรือง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 พร้อมชุดสืบสวนดำเนินการจับกุม