ในปัจจุบันมิจฉาชีพใช้เทคโนโลยี Deepfake กลายเป็นเครื่องมือหลอกลวง ทำให้ภาพ เสียง คลิปวิดีโอ ของบุคคลหนึ่งสามารถขยับปากตามเสียงของบุคคลอื่นได้ มีความเสมือนจริงทั้งใบหน้าและน้ำเสียง
.
มิจฉาชีพได้นำมาใช้ เป็นเครื่องมือในการแอบอ้างเป็นบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์ หลอกลวงให้โอนเงิน , สร้างโพสต์ปลอม , ข้อความปลอม , ความคิดเห็นปลอม และสร้างโปรไฟล์ปลอม บนสื่อโซเชียลมีเดียกลายเป็น Fake News ทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิด
.
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จึงจะขอแนะนำจุดสังเกต “เสียง AI” แตกต่างจากเสียงมนุษย์อย่างไร?
1.จังหวะการเว้นวรรคคำพูด : เสียงพูดจาก AI จะไม่มีอารมณ์หรือความรู้สึก เสียงจึงจะไม่มีจังหวะหยุด ไม่มีเว้นวรรคจังหวะหายใจ และจะพูดประโยคยาว
2.น้ำเสียงราบเรียบ : เสียงจาก AI ที่มิจฉาชีพใช้จะมีเสียงที่ราบเรียบ ไม่มีการเน้นน้ำหนักเสียง หรือความสำคัญของคำ
3.คำทับศัพท์ : เสียงจาก AI จะพูดคำศัพท์เฉพาะไม่ค่อยชัด คำบางคำเวลาออกเสียง จะมีความผิดเพี้ยนไปบ้าง เนื่องจาก AI อาจยังไม่สามารถออกเสียงวรรณยุกต์ เสียงสูง-ต่ำ ได้ในบางคำ
.
นอกจากนี้ก็จะสามารถสังเกต “ใบหน้า” ที่สร้างจาก AI ได้ดังนี้
1.สังเกตการขยับริมฝีปาก : หากเป็นคลิปสร้างจาก AI การขยับปากของคนในคลิปจะไม่สอดคล้องกับเสียงในวิดีโอ และดูไม่เป็นธรรมชาติ
2.ใบหน้า : มีลักษณะที่ผิดสัดส่วนธรรมชาติ โดยเฉพาะเมื่อก้มเงยหน้าหรือหันซ้ายหันขวา
3.สีผิวเข้ม หรือ อ่อนเป็นหย่อมๆ : แสงและเงาบริเวณผิวไม่สอดคล้องต่อการเคลื่อนไหว
4.การกะพริบตาถี่เกินไป หรือน้อยเกินไป : ดูไม่เป็นธรรมชาติ
.
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอเตือนประชาชนควรตรวจสอบข้อมูลทุกครั้งก่อนที่จะเชื่อ หรือแชร์ต่อ เพื่อให้มั่นใจว่า สิ่งที่เห็นเป็นเรื่องจริง จะได้ไม่เผยแพร่ข้อมูลปลอมสู่สังคม