เวลา10.30 น. วันที่ 4 ธ.ค.66 ที่ ศูนย์รับแจ้งความ บชก. นายอัจฉริยะ นำหลักฐาน ร้อง บก.ปปป. เอาผิดเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ด่านชลบุรี , ด่านฉะเชิงเทรา และ ด่านท่าเรือคลองเตย และทผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรฯ และ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ฯ ในสมัยเป็น ผอ.สำนักควบคุม ป้องกันและบำบัดโรคสัตว์ในกรณีที่ปล่อยเนื้อวัวหมดอายุและเน่าเสียมาให้คนไทยบริโภค อันเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้ามิชอบตามมาตรา157
นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เปิดโปงกับสื่อมวลชนถึงกรณีการโยกย้าย พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล จากอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI ไปดำรงตำแหน่ง เป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรมว่า มี 3 สาเหตุที่ทำให้ พ.ต.ต.สุริยา ถูกโยกย้าย ได้แก่
ประเด็นแรก สืบเนื่องจากคดีหมูเถื่อน 161 ตู้ ที่ พ.ต.ต.สุริยา และพนักงานสอบสวน DSI ได้บุกไปค้นบริษัทแม็คโคร ซึ่งเป็นบริษัทค้าส่งรายใหญ่ของประเทศ ซึ่งเรื่องนี้ทำให้นายทุนใหญ่ระดับสูงที่สุดของประเทศไม่พอใจและส่งเรื่องให้นายกรัฐมนตรีจัดการ
ประเด็นที่ 2 เป็นกรณีที่พนักงานสอบสวน DSI จับกุมเจ้าของเว็บพนันยูฟ่า 888 ซึ่งเป็นเว็บพนันรายใหญ่ที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเรื่องนี้สร้างความไม่พอใจให้กับพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลพรรคหนึ่งที่มีฐานเสียงอยู่ในภาคใต้ เนื่องจากพบว่าเจ้าของเว็บพนันรายนี้เป็นนายทุนใหญ่ที่ให้การสนับสนุนพรรคการเมืองดังกล่าว ถึง 400 ล้านกว่าบาท ส่งผลให้ รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงรายหนึ่งที่มาจากพรรคการเมืองนี้ ต้องส่งคนมาเจรจา เพื่อต่อรองไม่ให้มีการยึดทรัพย์เจ้าของเว็บพนัน แต่ไม่ได้ผล
ประเด็นสุดท้าย เกิดจากความไม่พอใจของนายทุนรายใหญ่แถบจังหวัดนครปฐม ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องในคดีลักลอบนำเข้าหมูเถื่อน โดยนายทุนกลุ่มนี้นั้น มีพรรคการเมืองรายใหญ่ฟากรัฐบาลแถบภาคกลางอยู่เบื้องหลัง ถึงขนาดมีการมาเจรจาเพื่อให้ชะลอการดำเนินคดีลักลอบนำเข้าหมูเถื่อน แต่ไม่เป็นผล
ดังนั้น เบื้องหลังการโยกย้าย พ.ต.ต.สุริยา จึงปีที่มาจาก 3 ประเด็นข้างต้น ซึ่งตนมองว่า การอ้างว่า พ.ต.ต.สุริยา เป็นคนมีความสามารถจึงเหมาะสมที่จะไปนั่งรองปลัดกระทรวงนั้นเป็นเพียงแค่ข้ออ้าง โดยฝากถึงนายกรัฐมนตรี กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า ควรจะต้องโยกย้าย ข้าราชการระดับสูงของกรมปศุสัตว์มากกว่า เพราะมีพยานหลักฐานชัดเจนว่าคนในกรมปศุสัตว์เกี่ยวข้องกับขบวนการนำเข้าเนื้อเถื่อนโดยตรง ที่ผ่านมา ข้าราชการระดับสูงทั้งกรมประมงและกรมศุลกากรต่างก็ถูกรับผิดชอบกันไปหมดแล้ว เหลือแต่กรมปศุสัตว์ที่ยังคงเก็บเอาไว้ จึงมองว่า หากไม่โยกย้าย ข้าราชการระดับสูงของกรมปศุสัตว์ ปัญหาการลักลอบนำเข้าหมู่เถื่อนก็ไม่มีทางแก้ไขได้ ซึ่งจะส่งผลให้ระบบปศุสัตว์ของประเทศล่มสลายในที่สุด
อย่างไรก็ตาม นายอัจฉริยะมองว่า การโยกย้ายอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษครั้งนี้ ไม่ส่งผลใด ๆ ต่อการดำเนินคดีหมูเถื่อน เพราะคดีดังกล่าวทำงานโดยชุด พนักงานสอบสวน DSI และมีการลงเลขคดีแล้ว ซึ่งผู้บริหารกรมไม่มีอำนาจใด ๆ ในการแทรกแซง และไม่เกินวันที่ 7 ธันวาคม จะมีการเปิดปฏิบัติการเกี่ยวข้องกับขบวนการค้าหมูเถื่อนรายใหญ่อีก
นายอัจฉริยะกล่าวอีกว่า กรณีที่มีคลิปเสียงหลุดออกมาว่า มีนักกิจกรรมเป็นผู้เรียกเงิน 10 ล้านบาทจากบุคลากรระดับสูงของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นั้น นายอัจฉริยะระบุว่า นักกิจกรรมคนดังกล่าวคือ นายไทกร พลสุวรรณ ซึ่งมีอัดคลิปเสียงการแอบไปเจรจากับคนสนิทของ ร.อ.ธรรมนัส และกรมปศุสัตว์ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้มีการปล่อยหมูเถื่อนจำนวน 38 ตู้ที่ถูกอายัดไว้ในคดีหมูเถื่อน 161 ตู้ โดยมีการเรียกเงิน 10 ล้านบาทเพื่อเคลียร์คดี ซึ่งบุคคลเหล่านี้ต้องเข้าไปชี้แจงกับพนักงานสอบสวน DSI ด้วย ว่าสรุปแล้วใครเป็นคนเรียกเงินจากใครกันแน่ นอกจากนี้ ตนจะไปยื่นเรื่องกับนายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคก้าวไกล เพื่อร้องเรียนว่า เนื้อหมูเถื่อนอีก 140 กว่าตู้ มีการทำลายล่าช้า จึงเชื่อว่า น่าจะมีการปกปิดการทำลายหมูเถื่อนเหล่านี้ โดยจะไปยื่นหนังสือร้องเรียนที่รัฐสภา เวลา 9:00 ในวันที่ 7 ธันวาคม