“…อดีตรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ชี้ ถ้าตัว “นักโทษเทวดา” ไม่อยู่โรงพยาบาล ก็อยากจะบอกว่า นี่เรื่องใหญ่ เพราะนักโทษเป็นผู้ถูกจำกัดอิสระภาพ ต้องอยู่ในที่ที่กำหนด และเมื่อตัวไม่อยู่ก็เป็นการหลุดพ้นจากการควบคุม เท่ากับเป็นการหลบหนีการควบคุม เป็นอีกเรื่องเป็นคดีขึ้นมาได้ เมื่อเป็นการหลุดพ้นไปจากการควบคุม ก็ต้องมาไล่เรียงว่า ไปเองหรือปล่อยให้ไป ไล่เบี้ยขึ้นไปตามลำดับชั้น จะว่าไม่รู้ไม่ได้ สังคมเขากังขากันทั้งเมือง แต่ผู้บังคับบัญชาบอกไม่รู้ได้อย่างไร : ด้าน “ผักกาดหอม” คอลัมนิสต์ดัง ซัด วันนี้เมื่อนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีประกาศว่ารัฐบาลจะสร้างความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดินด้วยการฟื้นฟูหลักนิติธรรม ให้มีความโปร่งใส เป็นที่ยอมรับของนานาชาติ แต่หากเราไม่แก้ปัญหาราชทัณฑ์ ถ้าเรากลัวโดยไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ผมคิดว่าเราเป็นผู้ทำลายหลักนิติธรรม…”
กรณีเมื่อวันที่ 6 ม.ค.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมราชทัณฑ์ เผยแพร่เอกสารชี้แจงกรณี นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า ถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ตอบคำถามในการอภิปรายงบประมาณเมื่อวานนี้ (5 ม.ค.)เกี่ยวกับประเด็น นายทักษิณ ชินวัตร ที่พักรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลภายนอก และการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง นั้น
กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนว่า ในประเด็นเรื่องการรักษาเกินกว่า 120 วัน และยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ นั้น ในการนี้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามแนวทางการบริหารราชการแผ่นดิน ที่ต้องปฏิบัติภายใต้กฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับในการปฏิบัติงานอย่างเคร่งครัด คำนึงถึงสิทธิเสรีภาพ ตลอดจนหลักสิทธิมนุษยชน จึงต้องใช้เวลาในการพิจารณาข้อมูลประกอบการตัดสินใจอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ ควบคู่กับการคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ป่วยเป็นสำคัญ
สำหรับกรณีการนำผู้ต้องขังออกไปรักษาตัวนอกเรือนจำ กรมราชทัณฑ์ได้ดำเนินการตาม ที่กฎหมายกำหนด โดยแม้ว่าผู้ต้องขังจะรักษาตัวภายนอกเรือนจำ แต่ยังต้องปฏิบัติตัวตามกฎ และระเบียบของกรมราชทัณฑ์อย่างเคร่งครัด โดยปฏิบัติเช่นเดียวกับผู้ต้องขังในเรือนจำ หากจะกระทำการอะไรก็ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ไม่มีอภิสิทธิ์แต่อย่างใด ซึ่งการปฏิบัติตัวของผู้ต้องขังที่ออกมารักษาตัวที่โรงพยาบาลภายนอก จึงไม่แตกต่างจากการควบคุมอยู่ภายในเรือนจำ
ด้าน “ผักกาดหอม” คอลัมน์นิสต์ดัง เขียนในไทยโพสต์ตอนหนึ่งน่าสนใจว่า
ประเด็นอยู่ที่ใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังคอยวางแผนให้ “นักโทษชายทักษิณ” กลับไทยโดยไม่ต้องติดคุกแม้วันเดียว
“ทวี สอดไส้” ชี้แจงงบประมาณกรมราชทัณฑ์ในที่ประชุมช่วงเย็นๆ วันพุธ แทนที่จะเคลียร์ กลับเรียกแขกนั่งรถทัวร์ไปลง “นักโทษเทวดา” ซะงั้น
“…กฎกระทรวงออกมาตั้งแต่ปี ๖๓ แต่ระเบียบยังไม่ออก
วันนี้เมื่อนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีประกาศว่ารัฐบาลจะสร้างความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดินด้วยการฟื้นฟูหลักนิติธรรม ให้มีความโปร่งใส เป็นที่ยอมรับของนานาชาติ แต่หากเราไม่แก้ปัญหาราชทัณฑ์ ถ้าเรากลัวโดยไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ผมคิดว่าเราเป็นผู้ทำลายหลักนิติธรรม
ที่เพื่อนสมาชิกบอกว่าราชทัณฑ์เลือกปฏิบัติกับบางคนหรือไม่นั้น ในกฎหมายฉบับนี้ระบุว่าราชทัณฑ์ไม่ใช่สถานที่ฆ่าหรือทรมานคน
หากใครเจ็บป่วยก็ต้องไปรักษา
และการไปรักษาก็ไม่ใช่เพียงแค่ท่านทักษิณ ชินวัตร เพียงคนเดียว แต่มีคนจำนวนมากไปรักษา และท่านก็เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ผมมองว่าท่านทักษิณเป็นนักสร้างสันติภาพ แม้ก่อนหน้านี้ท่านจะมองว่าไม่เห็นด้วยกับการยึดอำนาจ
แต่วันนี้หากอยากให้บ้านเมืองมีสันติภาพ สันติสุข มีความปรองดอง ท่านก็กลับเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรม
การป่วยของท่านก็เกิดก่อนที่รัฐบาลชุดนี้จะเข้ามาและไปรักษา
เมื่อมีผู้ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลซึ่งเกี่ยวข้องกับเรือนจำ กฎหมายฉบับนี้ซึ่งให้ความสำคัญกับแพทย์สูงสุดก็เขียนไว้ว่าที่นั่นคือเรือนจำ
การอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมที่ไปไหนไม่ได้ ก็คือการเสียอิสรภาพแล้ว…”
เป็นทุกอย่างให้ “นักโทษชายทักษิณ” จริงๆ
แต่อีกมุม เป็นการโยนระเบิดใส่ “นักโทษชายทักษิณ” เต็มๆ เหมือนกัน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มองนักโทษที่ไม่ยอมรับโทษจำคุกเป็นนักสร้างสันติภาพ
โลกมันวิปริตขนาดนี้เลยหรือ?
ถ้าสันติภาพ ความปรองดองของคนในชาติ จะเกิดขึ้นต่อเมื่อ “นักโทษชายทักษิณ” กลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมจริง ทำไมต้องรอถึง ๑๗ ปี
ทนดูความขัดแย้ง ๑๗ ปีได้อย่างไร
ถ้าจะพูดให้ถูก เอ็งหนีไปทำไมตั้งแต่แรก
ไม่หนีเปล่า หลอกคนเสื้อแดงว่าจะเดินนำหน้าม็อบเข้ากรุง
ปราศรัยวิดีโอลิงก์ “พี่น้องชาวเสื้อแดงทั่วประเทศไทย หากมีอะไรเกิดขึ้นกับคนเสื้อแดง ให้ไปรวมตัวกันที่ศาลากลางจังหวัดได้เลย”
แล้วเป็นไงครับ เผาศาลากลางไปกี่จังหวัด
ติดคุกกันไปกี่คน
เห็นเงา ทักษิณ บ้างหรือเปล่า?
การกลับมาของ “นักโทษชายทักษิณ” ไม่ใช่นึกจะกลับก็กลับนะครับ
แต่ผ่านการวางแผนมาแล้วอย่างแยบยล จนไม่มีใครทันสังเกตเห็น เพราะไม่มีใครเชื่อว่า “นักโทษชายทักษิณ” จะยอมกลับมาติดคุกนั่นเอง
ช่วงเวลาการกลับก็สำคัญ
ก่อนนี้มีการตั้งข้อสงสัยกันมากว่า ทำไม “นักโทษชายทักษิณ” ไม่กลับหลังพรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาลเรียบร้อยแล้วเสียก่อน
แต่กลับช่วงที่รัฐบาลลุงตู่ยังคงรักษาการอยู่
ถึงเวลานี้ก็มีการเฉลยกันเป็นระยะๆ ไปแล้ว
รัฐบาลเศรษฐา ไม่เกี่ยว เพราะ “นักโทษชายทักษิณ” กลับช่วงรัฐบาลก่อน
ป่วย และเข้ารักษาตัวที่ห้องวีไอพี ชั้น ๑๔ โรงพยาบาลตำรวจ ก่อนที่รัฐบาลเศรษฐาเข้ามาบริหารประเทศ
พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ปี พ.ศ.๒๕๖๐ และกฎกระทรวงการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ.๒๕๖๓ ก็ล้วนเกิดในรัฐบาลลุงตู่ทั้งสิ้น
นี่คือสิ่งที่รัฐบาลเพื่อไทยนำมากล่าวอ้างว่าไม่มีการช่วยเหลือ “นักโทษชายทักษิณ” แต่อย่างใด
ทุกอย่างล้วนเป็นฝีมือรัฐบาลลุงตู่
ราวทฤษฎีสมคบคิด!
การอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมที่ไปไหนไม่ได้ ก็คือการเสียอิสรภาพแล้ว ใช้ไม่ได้กับทุกคนครับ
นักโทษชั้นดี ไม่ได้ก่อคดีอาชญากรรมร้ายแรง เช่น ฆ่าคนตายโดยเจตนา ค้ายาเสพติด รวมไปถึง คอร์รัปชัน โกงบ้านกินเมือง ที่ใกล้จะพ้นโทษแล้ว การเปลี่ยนที่คุมขังนอกเรือนจำ ถือว่าเหมาะสม
แต่นักโทษชั้นเลว เล่ห์เหลี่ยมเยอะ ไม่ยอมติดคุก แถมยังเป็นผู้มีบารมีเหนือรัฐบาล ห้องสี่เหลี่ยมควรเป็นคุกเท่านั้น
ไม่ใช่โรงพยาบาล
จะว่าเป็นประเด็นร้อนก็ได้ “นายหัวแจ็ค วัชระ เพชรทอง” ไปยื่นหนังสือร้องเรียนที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล ถึง “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” รองนายกฯ ที่ถูกหักดิบให้กำกับดูแลงานกระทรวงยุติธรรม ไปตรวจสอบ ๑๐ ประเด็น เกี่ยวกับการติดคุกทิพย์ของ “นักโทษชายทักษิณ”
ประเด็นน่าสนใจคือ ให้ “พีระพันธุ์” เดินทางไปโรงพยาบาลตำรวจชั้น ๑๔ ภายใน ๗ วัน เพื่อตรวจสอบว่า “นักโทษชายทักษิณ” ป่วยจริงหรือไม่
อยู่โรงพยาบาลตลอดเวลาหรือเปล่า?
ซ่อมกล้องวงจรปิดหรือยัง?
อย่าไปคาดหวังอะไรครับ เพราะจนถึงบัดนี้ “พีระพันธุ์” ยังไม่พูดถึงงานใหม่ที่ได้รับมอบหมายนี้แม้คำเดียว
คิดเล่นๆ “พีระพันธุ์” เกิดบ้าจี้ ไปตรวจชั้น ๑๔ โรงพยาบาลตำรวจ เพราะนายกฯ มอบหมายงานให้แล้ว รับรองงานนี้อาจถึงขั้นได้เปลี่ยนรัฐบาล
แต่…ใครจะกล้าเปิดเผยความลับ
ส่วน นายธนพัฒน์ จันทรปรรณิก อดีตรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ โพสต์ในโซเชียล ถึงกรณี นช.ทักษิณไว้อย่างน่าสนใจว่า
นักโทษเทวดา
กรณีนักโทษต้องโทษจำคุกแล้วไม่ต้องเข้าคุกแม้แต่วินาทีเดียว ทำเป็นเรื่องนักโทษป่วยส่งตัวไปนอนโรงพยาบาล ให้เป็นที่กังขาของสังคมมากพออยู่แล้ว
มีข้อกังขาใหม่ขึ้นมาอีกว่า ตัวอยู่โรงพยาบาลหรือไม่ ?
ในเมื่อผู้มีอำนาจหน้าที่ไม่พูด ไม่แถลงให้สังคมหายข้อกังขา ก็ชอบที่จะมีผู้ร้องแรกแหกกระเชอขึ้นมา
ความจริงการจะพิสูจน์ว่าตัวอยู่โรงพยาบาลหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไร ไม่เหมือนการจะพิสูจน์ว่าป่วยเป็นอะไร แต่ก็ไม่เห็นมีผู้ใดไปเฝ้าสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวของชั้น 14
ถ้าตัวอยู่ ก็จะต้องมีการกินอยู่หลับนอนเช่นมนุษย์มนาทั่วไป และยิ่งอยู่นาน เทวดาย่อมกินอยู่ 3 มื้อ เหนือกว่ามนุษย์ธรรมดา ลูกเต้าครอบครัวต้องเข้าเยี่ยม แต่นี่เงียบฉี่
แต่ถ้าตัวไม่อยู่โรงพยาบาล ก็อยากจะบอกว่า นี่เรื่องใหญ่ เพราะนักโทษเป็นผู้ถูกจำกัดอิสระภาพ ต้องอยู่ในที่ที่กำหนด และเมื่อตัวไม่อยู่ก็เป็นการหลุดพ้นจากการควบคุม เท่ากับเป็นการหลบหนีการควบคุม เป็นอีกเรื่องเป็นคดีขึ้นมาได้
เมื่อเป็นการหลุดพ้นไปจากการควบคุม ก็ต้องมาไล่เรียงว่า ไปเองหรือปล่อยให้ไป ไล่เบี้ยขึ้นไปตามลำดับชั้น จะว่าไม่รู้ไม่ได้ สังคมเขากังขากันทั้งเมือง แต่ผู้บังคับบัญชาบอกไม่รู้ได้อย่างไร
เป็นห่วงครับ #เป็นห่วง#
ธนพัฒน์ จันทรปรรณิก
สืบจากข่าว รายงาน