วันอาทิตย์, กันยายน 22, 2024
หน้าแรกอาชญากรรมกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) แถลงข่าว รวบนักธุรกิจชื่อดังเมืองเชียงใหม่หนีคดี หลังตุ๋นอ้างจะให้เงินสนับสนุนหลัก 1,000 ล้านกับนักลงทุนธุรกิจอัญมณี เสียหายกว่า 22 ล้านบาท

Related Posts

กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) แถลงข่าว รวบนักธุรกิจชื่อดังเมืองเชียงใหม่หนีคดี หลังตุ๋นอ้างจะให้เงินสนับสนุนหลัก 1,000 ล้านกับนักลงทุนธุรกิจอัญมณี เสียหายกว่า 22 ล้านบาท

เวลาประมาณ 10.00 น.วันที่ 8 ม.ค.67 ที่ ห้องประชุมชั้น 2 อาคารประชาอารักษ์ ตํารวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) แถลงข่าว รวบนักธุรกิจชื่อดังเมืองเชียงใหม่หนีคดี หลังตุ๋นอ้างจะให้เงินสนับสนุนหลัก 1,000 ล้านกับนักลงทุนธุรกิจอัญมณี เสียหายกว่า 22 ล้านบาท มิหนำซ้ำอ้างเครดิตพรรคการเมือง ก่อนหลอกชวนระดมนำเงินมาร่วมลงทุนกับธุรกิจรถไฟความเร็วสูง


ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบนักธุรกิจชื่อดังเมืองเชียงใหม่ ตุ๋นนักธุรกิจอัญมณี สูญเงินไปกว่า ๒๒ ล้านบาท
มิหนำซ้ำยังมีการหลอกระดมเงินลงทุนรถไฟความเร็วสูง
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก, พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก, พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก,พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย, พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม รอง ผบก.ป..
พ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.๑ บก.ป.. พ.ต.ท.อัครพล มณีวรรณ, พ.ต.ท.ธนศักดิ์ สว่างศรี, พ.ต.ท.สมเดช สาระบรรณ์, พ.ต.ท.อภิชน ขันกา, พ.ต.ท.พชรเดช บุญฤทธิ์ รอง ผกก.๑ บก.ป.
และ พ.ต.ท.เผ่าภูมิ สมหมาย รอง ผกก.(สอบสวน) กก.๑ บก.ป. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.กฤษฎา พลายละหาร สว.กก.0 บก.ป., ร.ต.อ.นัฐพล ทะเลน้อย,
ร.ต.อ.พอช นกพลับ รอง สว.(สอบสวน) กก.ㆍ บก.ป., ร.ต.อ.ณัฐวัฒน์ จำปาสาร, ร.ต.ท.เอกลักษณ์ รุ่งเรือง,
ร.ต.ท.วิมล ฤทธิยา รอง สว.(ป.) กก.1 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.๑ บก.ป.
ร่วมกันจับกุม นายรวีโรจน์ ฯ อายุ ๕๗ ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้
ที่ จ. ๗๙๔/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงและร่วมกันปลอมเอกสาร
สิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม” สถานที่ จับกุม บริเวณห้องพัก โรงแรมย่านเลียบทางด่วนรามอินทรา แขวงวังทองหลาง
เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๕๕๘ นายรวีโรจน์ฯ (ผู้ต้องหา) ได้ร่วมกับพวกหลอกลวงผู้เสียหายซึ่งเป็นนักธุรกิจอัญมณีให้มาร่วมลงทุนในอุตสาหกรรมอัญมณีแบบครบวงจร โดยผู้ต้องหาได้แอบอ้างว่าตนเองเป็นกลุ่มนายทุนเจ้าของบริษัทการเงินแห่งหนึ่ง มีเงินฝากในธนาคารต่างประเทศคิดเป็นเงินไทยประมาณ ๒ แสนล้านบาท โดยอ้างว่าจะให้เงินสนับสนุนกับผู้เสียหายเป็นเงินจำนวน ๑,๐๐๐ ล้านบาทหากผู้เสียหายมาร่วมลงทุนในอุตสาหกรรมอัญมณีกับกลุ่มผู้ต้องหา โดยก่อนที่ผู้เสียหายจะได้รับเงินสนับสนุน
จำนวนดังกล่าว เสียหายจะต้องจ่ายเงินค่าดำเนินการและค่าธรรมเนียมต่างๆ ในการนำเงินเข้ามาในประเทศไทยให้กับกลุ่มผู้ต้องหาก่อน ซึ่งในห้วงนั้นผู้ต้องหาได้มีการปลอมหนังสือค้ำประกันของธนาคาร HSBC
(The Hongkong and Shanghai Bank สาขานิวยอร์ก นำมาแสดงให้ผู้เสียหายเห็นว่า กลุ่มผู้ต้องหามีเงินในบัญชีอยู่จริง (ปรากฏยอดเงินเป็นจำนวน ๘,๗๒๕,๑0๕,-0. ดอลล่าร์) ภายหลังผู้เสียหายจึง
เงินค่าดำเนินการต่างๆ รวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 6๒,๔๘๐,000 บาท ไปให้กับกลุ่มผู้ต้องหา และต่อมาเมื่อถึงกำหนดนัดจ่ายเงินทุนสนับสนุนดังกล่าว ผู้ต้องหากลับไม่จ่ายเงินจำนวนดังกล่าวให้ พร้อมกับบ่ายเบี่ยง และหลบหนีไปในที่สุด ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าตนเองถูกหลอก จึงได้เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน
กก.๑ บก.ป. ให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาและพวกตามกฎหมาย
จากการสืบสวนของตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กก.2 บก.ป. ทำให้ทราบว่า เมื่อประมาณปลายปี
พ.ศ.๒๕๖๐ นายรวีโรจน์ฯ (ผู้ต้องหา) ได้หลบหนีออกนอกประเทศ และภายหลังได้ถูกทางการ ประเทศแองโก
ลาจับกุมพร้อมกับพวกในนามตัวแทนบริษัทฯ (เป็นบริษัทฯ ประกอบธุรกิจกิจการค้าขายสินค้าทางการเกษตร,
ทองคำ และอสังหาริมทรัพย์) โดยทั้งหมดถูกกล่าวหาว่า “ปลอมแปลงเอกสารเช็คและฟอกเงิน” เนื่องจาก
บริษัทฯ ของผู้ต้องหาได้มีการเซ็นสัญญาลงทุนกับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในประเทศแองโกลา และได้มีการนำเช็คจำนวน ๕0.๐00 ล้านดอลลาร์ เข้าเปิดบัญชีในนามของบริษัทฯ ที่ธนาคารแห่งหนึ่งในประเทศแองโกลา
เพื่อเป็นเงินลงทุนในประเทศ พร้อมกันนี้ยังได้มีการเตรียมเข้าเซ็นสัญญากับรัฐบาลของทางแองโกลา แต่ภายหลังรัฐบาลของประเทศแองโกลาตรวจพบการกระทำความผิด จึงได้ดำเนินการตามกฎหมายกับกลุ่มผู้ต้องหา
ซึ่งต่อมาเมื่อนายรวิโรจน์ฯ (ผู้ต้องหา) พ้นโทษจำคุกที่ประเทศแองโกลาแล้ว ผู้ต้องหาได้หลบหนีเข้ามาในประเทศไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ โดยได้กลับมาก่อเหตุหลอกลวงในลักษณะเช่นเดิม ซึ่งจากการสืบสวน
ทราบว่าผู้ต้องหาได้มีการหลอกระดมคนให้นำเงินมาร่วมลงทุนในธุรกิจรถไฟความเร็วสูงที่ผู้ต้องหาจะสร้างขึ้นในประเทศไทย โดยผู้ที่สามารถระดมคนให้นำเงินมาร่วมลงทุนกับผู้ต้องหาได้ จะได้รับผลตอบแทนเป็นเงินจำนวน ๕-๑0 ล้านบาท พร้อมกันนี้ยังสืบทราบว่าผู้ต้องหาได้มีการนัดกลุ่มนักการเมืองพรรคดังพรรคหนึ่งมาประชุมหารือที่โรงแรมย่านเลียบทางด่วนรามอินทรา โดยผู้ต้องหามีพฤติกรรมหลอกลวงในลักษณะเช่นเดิมโดยอ้างว่าตนเองมีเงินฝากอยู่ในบัญชีธนาคารในต่างประเทศเป็นจำนวนมาก หากกลุ่มนักการเมืองให้ความช่วยเหลือผู้ต้องหาในความผิดที่ถูกออกหมายจับได้นั้น ผู้ต้องหาจะนำเงินเข้ามาช่วยสนับสนุนในการลงทุนก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ซึ่งผู้ต้องหาอ้างว่าการสนับสนุนของผู้ต้องหาดังกล่าว จะช่วยให้ประชาชนเกิดความศรัทธากับพรรคการเมืองดังกล่าวมากขึ้น
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบตามข้อเท็จจริงดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้นำกำลังเข้าตรวจสอบที่โรงแรมย่านเลียบทางด่วนรามอินทรา แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ โดยเมื่อพบ
นายรวีโรจน์ฯ จึงได้เข้าจับกุมและนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบถาม ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอประชาสัมพันธ์เตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนทุกท่าน หากประซาชน
ท่านใดถูกคนร้ายหลอกลวงด้วยพฤติการณ์ในลักษณะข้างต้นนี้ ขอให้อย่าหลงเชื่อ อย่านำเงินไปร่วมลงทุนตาม
โครงการต่างๆ ตามที่คนร้ายกล่าวอ้าง ทั้งนี้ หากประชาชนท่านใดถูกผู้ต้องหารายนี้หลอกลวง ทำให้ท่านได้รับ
ความเสียหาย ขอให้ท่านเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่ กองกำกับการ ๑ กองบังคับการปราบปราม

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts