“…พฤติการณ์ที่ส่อไปในทางช่วยเหลือ และเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชนกระทำการอันอาจเข้าข่ายทุจริตโครงการเช่าอุปกรณ์กำไล EM ของกรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม สมัยที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นรัฐมนตรีว่าการ ร่วมกันปกปิดข้อมูลความผิดพลาดของ ระบบ Monitor เพื่อปิดบังปัญหาระบบแจ้งเตือนผิดพลาด ซึ่งในแต่ละวันมีการแจ้งเตือนผิดพลาดหลายร้อยครั้ง ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเสียเวลา ตรวจสอบและเพิ่มภาระงานให้กับเจ้าหน้าที่กรมคุมประพฤติ การช่วยเหลือให้บริษัทเอกชน เบิกเงินค่าเช่าที่เหลือในระยะที่ 1 จำนวน 241,425,000 ล้านบาท จากงบประมาณประจำปี 2566 (รอบเดือน ม.ค – เม.ษ 66) ไปจนหมดโดยไม่สั่งการหรือระงับการจ่ายเงินไว้ก่อน โดยอดีตผู้นำฝ่ายค้านก็เคยได้มีการแถลงต่อหน้าสื่อมวลชน ว่ามีพฤติการณ์ว่าส่อทุจริตจริงจะเร่งทำหนังสือเพื่อระงับ แต่ทว่ากลับมิได้ดำเนินการใดๆ ยิ่งกลับมาเป็นรัฐบาลร่วมกันแล้วก็ยากที่จะหวังผลการเอาผิด..”
ศรีสุวรรณจ่อร้อง กมธ.สภาฯตรวจสอบการเช่ากำไล EM สมัย รมว.สมศักดิ์ฮั้วเอกชนหรือไม่?
นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดินเปิดเผยว่า งานแรกที่จะมีการยื่นตรวจสอบการทุจริตคอรัปชั่นหลังลาสิกขา คือ การทุจริตโครงการเช่ากำไล EM ของกรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม สมัยที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นรัฐมนตรีว่าการ เนื่องจากพบว่าโครงการดังกล่าวมีพฤติการณ์ที่ส่อไปในทางช่วยเหลือ และเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชนกระทำการอันอาจเข้าข่ายทุจริตโครงการเช่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว(กำไล EM) ระยะที่ 1 และ ระยะที่ 2 มูลค่ากว่า 1,600 ล้านบาท โดยอาจมีการฮั้วให้กับบริษัทเอกชนที่มีความสนิทสนมกับนักการเมืองใหญ่แห่งบุรีรัมย์ที่รู้จักกันโดยทั่วไปได้งานไป โดยได้กำไล EM คุณภาพต่ำสุด รุ่นโบราณ เทอะทะมาใช้
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า มีการปล่อยปละละเลยให้บริษัทเอกชน และเจ้าหน้าที่ร่วมกันปกปิดข้อมูลความผิดพลาดของ ระบบ Monitor และอุปกรณ์กำไล EM ,โดยให้มีการแก้ไข Log Files หรือบันทึกการใช้งานของผู้ใส่กำไล EM ก่อนนำส่งสรุปผล และบันทึกการใช้งานของผู้ใส่กำไล เพื่อปิดบังปัญหาระบบแจ้งเตือนผิดพลาด ซึ่งในแต่ละวันมีการแจ้งเตือนผิดพลาดหลายร้อยครั้ง ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเสียเวลา ตรวจสอบและเพิ่มภาระงานให้กับเจ้าหน้าที่กรมคุมประพฤติ
นอกจากนั้น ยังมีการช่วยเหลือให้บริษัทเอกชน เบิกเงินค่าเช่าที่เหลือในระยะที่ 1 จำนวน 241,425,000 ล้านบาท จากงบประมาณประจำปี 2566 (รอบเดือน ม.ค – เม.ษ 66) ไปจนหมดโดยไม่สั่งการหรือระงับการจ่ายเงินไว้ก่อน โดยอดีตผู้นำฝ่ายค้านก็เคยได้มีการแถลงต่อหน้าสื่อมวลชน ว่ามีพฤติการณ์ว่าส่อทุจริตจริงจะเร่งทำหนังสือเพื่อระงับ แต่ทว่ากลับมิได้ดำเนินการใดๆ ยิ่งกลับมาเป็นรัฐบาลร่วมกันแล้วก็ยากที่จะหวังผลการเอาผิด
ด้วยเหตุดังกล่าว องค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน จึงจะนำความไปร้องเรียนต่อประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน สภาผู้แทนฯ (ท่าน ส.ส สัญญา นิลสุพรรณ) ในวันพฤหัสที่ 11 ม.ค.67 เวลา 11.00 น. ณ ห้องแถลงข่าวศาลาแก้ว อาคารรัฐสภาฯ เกียกกาย เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบ เพื่อดำเนินการตามครรลองของกฎหมายต่อไป นายศรีสุวรรณ กล่าว