15 มกราคม 2567 พระนครศรีอยุธยา – กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มอบโฉนดเพื่อการเกษตรซึ่งยกระดับจาก ส.ป.ก. 4-01 กำหนดพื้นที่เป้าหมาย 22 ล้านไร่ใน 5 ปี ยืนยันให้ใช้ประโยชน์เพื่อการเกษตรและกิจการที่เกี่ยวเนื่อง โดยจะคุมเข้ม ไม่ให้ตกในมือนายทุน
ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธี “Kick off พิธีมอบโฉนดเพื่อการเกษตรเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2567” โดยมี นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้ว่าราชการจังหวัด 11 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี ชัยนาท ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ลพบุรี สระบุรี นครนายก สุพรรณบุรี ปราจีนบุรี อุทัยธานี และจังหวัดเพชรบุรีรวมทั้งเกษตรกร เข้าร่วม ณ ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเสริมนอกภาคการเกษตร ต.ช้างใหญ่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ตลอดจนยังมีการ Kick off พร้อมกันทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยมี นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน Kick off มอบโฉนดเพื่อการเกษตร ณ จังหวัดชุมพร
ในโอกาสนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ส่งสารถึงพี่น้องเกษตรกร จากนโยบายรัฐบาลนำไปสู่การปฏิบัติที่เห็นผลเป็นรูปธรรม โดยกล่าวว่า “ในนามของรัฐบาล ผมขอแสดงความยินดีเป็นอย่างยิ่งกับพี่น้องเกษตรกรที่ได้รับโฉนดเพื่อการเกษตร ตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์จากทรัพย์สิน เพื่อสร้างอาชีพ รายได้ และความมั่นคงในชีวิต โดยรัฐบาลจะเร่งดำเนินการให้ประชาชนมีสิทธิในที่ดิน โดยพิจารณาเอกสารสิทธิการใช้ประโยชน์ในที่ดินให้เป็นโฉนด เพื่อสามารถนำไปต่อยอด เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ นำมาพัฒนาที่ดินและอาชีพ เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นในระยะยาว ผมขอขอบคุณกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ที่นำนโยบายสู่การปฏิบัติจนเกิดผลเป็นรูปธรรม โฉนดเพื่อการเกษตรที่สำเร็จนี้เป็นของขวัญปีใหม่จากรัฐบาล ซึ่งมีโฉนดเพื่อการเกษตรแล้วจำนวน 2.1 ล้านไร่ และรัฐบาลหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เกษตรกรที่ได้รับโฉนดเพื่อการเกษตรวันนี้ จะสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนต่าง ๆ นำมาซึ่งอาชีพและรายได้ที่ยั่งยืนต่อไป ผมให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลยังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหา เพื่อสร้างโอกาสให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี และมีความสุขต่อไปครับ”
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า จากนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2566 ต้องการพัฒนาเอกสารสิทธิการใช้ประโยชน์ให้เป็นโฉนด กระทรวงเกษตรฯ โดย ส.ป.ก. จึงได้ขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว โดยมีคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ได้อาศัยอำนาจตามมาตรา 30 เห็นชอบในการพิจารณาปรับปรุงเอกสารสิทธิการใช้ประโยชน์ ส.ป.ก.4-01 ให้เป็นโฉนดเพื่อการเกษตรตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งมีเกษตรกรที่เข้าคุณสมบัติการเปลี่ยนเป็นโฉนดเพื่อการเกษตร จำนวน 2.27 ล้านแปลง เนื้อที่ประมาณ 22 ล้านไร่ เกษตรกร จำนวน 1.6 ล้านคน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่เกษตรกรผู้ได้รับโฉนดเพื่อการเกษตร ส.ป.ก. จึงได้จัดพิธี kick off การมอบโฉนดเพื่อการเกษตรให้แก่เกษตรกร พร้อมกันทั่วประเทศ จำนวน 25,000 ฉบับ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ ตามที่รัฐบาลได้ให้สัญญาไว้ เพื่อให้เกษตรกรทุกคนได้ใช้ประโยชน์ สามารถนำเอกสารนี้ไปสร้างมูลค่าเพิ่มในการประกอบกิจการภาคการเกษตร ซึ่ง ส.ป.ก.จะดำเนินการมอบโฉนดเพื่อการเกษตรให้แล้วเสร็จทั่วประเทศโดยเร็ว และพร้อมที่จะเป็นกองทัพที่จะอุดหนุนทุกท่านให้อยู่ได้ อยู่ดี มีความสุขในเขตปฏิรูปที่ดินตลอดไป
พร้อมระบุว่า เมื่อเปลี่ยนเป็นโฉนดเพื่อการเกษตรแล้ว ผู้ถือครองสามารถประกอบอาชีพเกษตรกรรมและกิจการที่เกี่ยวเนื่อง โดยจะมีการติดตามตรวจสอบ ไม่ให้ที่ดินตกอยู่ในมือนายทุน
เลขาธิการ ส.ป.ก. กล่าวว่า การขึ้นทะเบียนขอออกโฉนดเพื่อการเกษตรทั้งจากระบบออนไลน์ และออฟไลน์ ปัจจุบันมีเกษตรกรยื่นความประสงค์ขอออกโฉนดรวมทั้งสิ้น 227,152 แปลง ซึ่งหลังจากนี้ได้มอบหมายให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง สร้างการรับรู้และความเข้าใจนโยบายของรัฐบาล กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ ส.ป.ก. ในการดำเนินงานเพิ่มศักยภาพมูลค่าโฉนดเพื่อการเกษตร ทั้ง ส.ป.ก. และหน้าที่ของผู้ที่ได้รับที่ดินไป ตลอดจนเชื่อมโยงภาคีเครือข่ายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกรต่อไป
สำหรับการยื่นความประสงค์ขอออกโฉนดเพื่อการเกษตร ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 เปิดรับแจ้งความประสงค์พร้อมกันทั่วประเทศ 3 ช่องทางได้แก่ ส.ป.ก. ทุกจังหวัด ศูนย์บริการประชาชน (Mobile Unit ) และระบบออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ ส.ป.ก. (ข้อมูล ณ วันที่ 13 ม.ค. 67) มีผู้ยื่นความประสงค์ 227,152 แปลง ออกโฉนดไปแล้ว 33,663 แปลง คิดเป็น 275,100 ไร่ เกษตรกร 29,006 ราย
ทั้งนี้ ในงาน เกษตรกรจาก 11 จังหวัดต่างดีใจที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ผลักดันนโยบายนี้เป็นผลสำเร็จ โดยมั่นใจว่า โฉนดเพื่อการเกษตรจะมีประโยชน์ต่อการเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อต่อยอดอาชีพ สามารถค้ำประกันเงินกู้จาก ธ.ก.ส. ได้