วันเสาร์, พฤศจิกายน 23, 2024
หน้าแรกสืบเศรษฐกิจการลงทุน-อุตสาหกรรมเดือนแรกปี 67 ต่างชาติลงทุนในไทย 7,171 ล้าน ญี่ปุ่นอันดับหนึ่ง

Related Posts

เดือนแรกปี 67 ต่างชาติลงทุนในไทย 7,171 ล้าน ญี่ปุ่นอันดับหนึ่ง

16 กุมภาพันธ์ 2567 อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเผยในเดือนมกราคม 2567 ต่างชาติลงทุนในไทย 7,171 ล้านบาท ญี่ปุ่นลงทุนอันดับหนึ่ง 3,793 ล้านบาท ตามด้วย สิงคโปร์ 1,083 ล้านบาท และจีน 768 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 172 คน

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า เดือนมกราคม 2567 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 จำนวน 54 ราย เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 14 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และการใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ) 40 ราย เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 7,171 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 172 คน

ทั้งนี้ โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรกของเดือนมกราคม 2567 ได้แก่

1.ญี่ปุ่น 15 ราย คิดเป็นร้อยละ 28 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 3,793 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ ธุรกิจบริการที่เป็นคู่สัญญากับภาคเอกชน โดยเป็นการจัดหาและติดตั้งอุปกรณ์สำหรับโรงงานผลิตอะเซทีลีนแบล็ก (Acetylene Black Plant) ธุรกิจบริการกิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) โดยเป็นการให้บริการแพลตฟอร์มกลางในการจัดหาแม่บ้าน/พนักงานทำความสะอาด ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (กระป๋องอลูมิเนียม/ชิ้นส่วนรถยนต์/อุปกรณ์สำหรับเครื่องจักรอุตสาหกรรม)

2.สิงคโปร์ 7 ราย คิดเป็นร้อยละ 13 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 1,083 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ ธุรกิจบริการ Data Center ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ธุรกิจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อจำหน่าย และ/หรือให้บริการ (ซอฟต์แวร์บริหารทรัพยากรบุคคลและเงินเดือน/ซอฟต์แวร์จัดการภายในร้านอาหาร)

3.จีน 7 ราย คิดเป็นร้อยละ 13 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติ เงินลงทุน 768 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ ธุรกิจบริการให้เช่านั่งร้านขนาดใหญ่ (Scaffolding) สำหรับค้ำยันรับน้ำหนักที่ใช้ในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ ธุรกิจค้าปลีกสินค้า (ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม/ยารักษาโรค/อุปกรณ์กีฬา) ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (ชิ้นส่วนเบาะรถยนต์/Specialty Coated Plastic Labels and Packaging Films)

4.สหรัฐอเมริกา 6 ราย คิดเป็นร้อยละ 11 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติ เงินลงทุน 26 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ ธุรกิจบริการออกแบบ ติดตั้ง พัฒนา ปรับปรุง ยกระดับ ดูแล บำรุงรักษา เชื่อมโยง และให้คำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับเว็บไซต์ แอปพลิเคชั่นธุรกิจการขายอาหารและเครื่องดื่ม และบริการให้คำปรึกษาแนะนำและบริหารจัดการเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจค้าปลีกสินค้า (เคมีภัณฑ์/เครื่องปรุงรส/สารและวัตถุเจือปนอาหาร)

5.ฮ่องกง 4 ราย คิดเป็นร้อยละ 7 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 264 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ ธุรกิจบริการให้คำปรึกษาแนะนำและบริหารจัดการ รวมทั้งฝึกอบรมในด้านการจัดการร้านอาหารและคาเฟ่ภายในร้านจำหน่ายสินค้า ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (ผลิตภัณฑ์กลุ่มภาพและเสียง (Audio Visualproduct)/ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับสำนักงาน) ธุรกิจบริการแก่ธุรกิจสร้างภาพยนตร์ โดยเป็นการบริการประสานงานภาพยนตร์จากต่างประเทศที่มาถ่ายทำในประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม ถือได้ว่าการเข้ามาประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวในไทยในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมข้างต้นมีส่วนช่วยในการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการบริการลูกค้าระดับสูงและการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ องค์ความรู้เกี่ยวกับคุณสมบัติและคุณภาพวัสดุโพลียูรีเทนโฟม องค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีนวัตกรรมเครื่องมือแพทย์ทางคลินิก องค์ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน และการออกแบบนั่งร้านที่ใช้สำหรับโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ เป็นต้น

ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบเดือนมกราคมของปี 2566 พบว่า การอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย เพิ่มขึ้น 2 ราย (4%) (ม.ค.67 อนุญาต 54 ราย / ม.ค.66 อนุญาต 52 ราย) และมีมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้น 2,042 ล้านบาท (40%) (ม.ค.67 ลงทุน 7,171 ล้านบาท / ม.ค.66 ลงทุน 5,129 ล้านบาท) แต่มีการจ้างงานคนไทยลดลง 649 ราย (79%) (ม.ค.67 จ้างงาน 172 คน / ม.ค.66 จ้างงาน 821 คน) โดยจำนวนนักลงทุนที่เข้ามาสูงสุดยังคงเป็นนักลงทุนญี่ปุ่น

สำหรับการลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ ในเดือนมกราคม 2567 มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 17 ราย คิดเป็นร้อยละ 31 ของจำนวนนักลงทุนต่างชาติในไทย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2566 จำนวน 9 ราย คิดเป็นร้อยละ 113 (ม.ค.67 ลงทุน 17 ราย / ม.ค.66 ลงทุน 8 ราย) โดยมีมูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC 2,296 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 32 ของเงินลงทุนทั้งหมด เป็นนักลงทุนจาก ญี่ปุ่น 5 ราย ลงทุน 476 ล้านบาท จีน 5 ราย ลงทุน 462 ล้านบาท เกาหลี 2 ราย ลงทุน 280 ล้านบาท และประเทศอื่นๆ อีก 5 ราย ลงทุน 1,078 ล้านบาท โดยธุรกิจที่ลงทุน อาทิ ธุรกิจบริการวิจัยและพัฒนาชิ้นส่วนยานพาหนะไฟฟ้าธุรกิจบริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น ให้คำแนะนำในการติดตั้งระบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของเครื่องจักร ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (ชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับอุตสาหกรรม/Capacitor/ผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ทำความสะอาดทุกประเภท) เป็นต้น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts