กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้
การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป., พ.ต.ท.อัครพล มณีวรรณ รอง ผกก.1 บก.ป., พ.ต.ท.สมเดช สาระบรรณ์ รอง ผกก.1 บก.ป., พ.ต.ท.ธนศักดิ์ สว่างศรี รอง ผกก.1 บก.ป., พ.ต.ท.อภิชน ขันกา รอง ผกก.1 บก.ป., พ.ต.ท.พชรเดช บุญฤทธิ์ รอง ผกก.1 บก.ป.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ว่าที่ พ.ต.ท.เรืองวิทย์ ดวงจินดา สว.กก.1 บก.ป., ร.ต.อ.พิชชพงษ์ พงษ์ชีพ รอง สว.กก.1 บก.ป., ร.ต.ท.จักรภัทร สงรอด รอง สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ป., ด.ต.เกียรติศักดิ์ จักสาร,
จ.ส.ต.วีระศักดิ์ มั่นจิตร, จ.ส.ต.นิรุตต์ มีภักดี, จ.ส.ต.วิชัยพันธ์ จันทรา, จ.ส.ต.ธนาวุฒิ พลสนอง, ส.ต.อ.เทพกร รณรงค์ ผบ.หมู่.กก.1 บก.ป., ส.ต.อ.เจษฏา เหล่าภักดี ผบ.หมู่ กก.ตชด.34 รรท.ผบ.หมู่ กก.1 บก.ป., ส.ต.อ.ทวีศักดิ์ เถาวนิช ผบ.หมู่ กก.ตชด.11 รรท. ผบ.หมู่.กก.1 บก.ป
ร่วมกันจับกุม นายปวันฯ อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดธัญบุรีที่ 692/2565 ลงวันที่ 1 ธันวาคม 2565 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และโดยทุจริต หรือ
โดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลหนึ่งบุคคลใด”
สถานที่จับกุม ลานจอดรถภายในโรงพยาบาลย่าน ถนนรัชดา-รามอินทรา เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปลายปี 2564 นายปวันฯ เดิมชื่อ วชญ์รัตฯ (ผู้ต้องหา) ได้ใช้เฟซบุ๊ก ทักไปพูดคุยกับนายไก่ (นามสมมติผู้เสียหาย) โดยได้อ้างตัวว่าเป็นพี่ชายของหมอโอซึ่งเป็นบุคคลที่นายไก่ รู้จักมากว่า 10 ปี นายปวันฯ ได้พูดคุยตีสนิทเรื่อยมาจนถึงเดือนมากราคม 2565 นายไก่จึงเชื่อใจ และได้แจ้งว่าหมอโอปัจจุบันทำงานที่กองสลากมีฐานะร่ำรวย และสามารถรู้ว่าหวยงวดต่อไปจะออกเลขอะไร นายปวันฯ ก็เริ่มชักชวนนายไก่มาลงทุนซื้อหวยด้วย โดยนายปวันฯ อ้างว่าถ้าซื้อ 20,000 บาท จะได้เงินตอบแทน 14 ล้านบาท และได้ส่งรูปเงินภายในบัญชีพร้อมบัตรประชนให้นายไก่ดู เมื่อเห็นดังนั้นนายไก่จึงหลงเชื่อ นายปวันฯ จึงให้นายไก่โอนเงินมาที่บัญชีชื่อ วชญ์รัตฯ ซึ่งเป็นชื่อเดิมของนายปวันฯ เพื่อซื้อหวย นายปวันฯ ก็แจ้งกับนายไก่อีกว่า งวดนี้จะเป็นงวดสุดท้ายที่จะสามารถซื้อได้ นายไก่จึงลงทุนเพิ่มเป็นจำนวน 50,000 บาท ต่อมานายปวันฯ ได้บอกแก่นายไก่ว่าตนได้นำเงินไปซื้อหวยลาวและได้ถูกหวยให้นายไก่ไปปรับสมุดบัญชีดู พร้อมกับเตรียมเงินจำนวน 300,000 บาท ไว้เพื่อที่จะจ่ายภาษีให้แก่ ปปง. นายไก่ได้ยินเช่นนั้นจึงรีบไปปรับสมุดบัญชีดู พบว่ามีเงินโอนเข้าบัญชีเป็นแบบเช็ครอสั่งจ่ายจำนวน 35 ล้านบาท แต่ต้องชำระภาษีก่อนถึงจะนำเงินออกมาได้ นายไก่จึงรีบหาเงินมาจำนวนดังกล่าวโอนให้แก่นายปวันฯ และนายปวันฯ ได้ขอค่าดำเนินการเพิ่มอีกจำนวน 30,000 บาท เมื่อโอนยอดทั้งหมดเสร็จ นายไก่ก็ไม่สามารถติดต่อกับนายปวันฯ ได้อีกทุกช่องทาง เมื่อเห็นเช่นนั้นนายไก่จึงรู้ว่าตนโดนหลอกจึงรีบเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน กก.3 บก.สอท.2 เพื่อดำเนินคดีและออกหมายจับ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง โดยกองบังคับการปราบปราม ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นายปวันฯ ได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่กับเพื่อนในพื้นที่คู้บอน และได้มารักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ย่านถนนรัชดา-รามอินทรา แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงลงพื้นที่ตรวจสอบและวางกำลังเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณโดยรอบ จนกระทั่ง เวลาประมาณ 16.10 น.จึงได้พบตัวผู้ต้องหาอยู่ที่บริเวณลานจอดรถภายในโรงพยาบาลย่าน ถนนรัชดา-รามอินทรา จึงได้แสดงตัวเข้าทำการจับกุม จากนั้นจึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่ง พนักงานสอบสวน กก.3 บก.สอท.2 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และตรวจสอบพบว่าเป็นบุคคลไร้ความสามารถตามคำสั่งศาลเมื่อปลายปี 2559
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ฝากเตือนภัยประชาชน มาตรา 342 “ถ้าในการกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ผู้กระทำ (1) แสดงตนเป็นคนอื่น หรือ (2) อาศัยความเบาปัญญาของผู้ถูกหลอกลวงซึ่งเป็นเด็ก หรืออาศัยความอ่อนแอแห่งจิตของผู้ถูกหลอกลวง ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกิน
หนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ร.ต.ท.จักรภัทร สงรอด รอง สว.(สอบสวน)ฯ กก.1 บก.ป. โทร. 065-0539391