กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. ปรก.บก.ปอท., พ.ต.อ.ประดิษฐ์ เปการี รอง ผบก.ปอท., พ.ต.อ.ชิษณุพงศ์ ไหวดี ผกก.3 บก.ปอท., พ.ต.ท.สัญญา นิลนพคุณ, พ.ต.ท.เสริมศักดิ์ น้อยหัวหาด, พ.ต.ท.อิสรพงศ์ ทิพย์อาภากุล รอง ผกก.3 บก.ปอท.
เจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้น นำโดย พ.ต.ต.ปกฉัตร สงวนแวว สว.กก.3 บก.ปอท, พ.ต.ต.นวพล พัฒนิบูลย์ สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท., พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ ขันจ่าง สว.กก.6บก.ปปป., ร.ต.อ.ธวัช ธรรมโชตัง รอง สว.กก.6บก.ปปป., ร.ต.อ.ศักดิ์พศุตม์ พรหมบุญแก้ว รอง สว.กก.6บก.ปปป., ร.ต.อ.ต่อศักดิ์ กันแต่ง รอง สว.กก.6บก.ปปป., ร.ต.อ.หญิงธีรนาฏ ลิ่มสิริกุล รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท., ร.ต.อ.อนันต์ ว่องไว รอง.สว.กก.3 บก.ปอท., ร.ต.ท.สุคนธ์ กองทอง รอง.สว.กก.3 บก.ปอท. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอท.
ร่วมตรวจค้น บ้านพักของนายกษมาฯ (บุคคลที่มีการสอนและรับตัดต่อภาพลามกอนาจาร) ในพื้นที่ ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ตามหมายค้นศาลจังหวัดสงขลา ที่ ค.40/2567 ลงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวน กรณีเรื่องที่มีบุคคลมาเเจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนว่า มีกลุ่มเครือข่ายนักตัดต่อภาพลามกอนาจารด้วยเครื่องมือ Generative AI ซึ่งสามารถแปลงภาพของบุคคลแบบปกติ ให้กลายเป็นรูปภาพลักษณะลามกอนาจาร และนำไปเพยเเพร่ในสื่อโซเชียลจนทำให้ได้รับความเสียหาย โดยจากการสืบสวนพบว่ากลุ่มเครือข่ายดังกล่าว จะมีการจัดคอร์สสอนการใช้งาน Image Generative AI พร้อมทั้งจำหน่ายสคริปต์ (ชุดคำสั่ง) และเอไอโมเดล โดยจะมีนายกษมาฯ เป็นผู้สอนคอร์สดังกล่าว ซึ่งในคอร์สสอนตัดต่อภาพนี้จะมีการปรับแต่งพารามิเตอร์ให้ได้ผลลัพธ์ของการตัดต่อที่มีความแม่นยำและมีคุณภาพสูง โดยจากการตรวจสอบพบว่า นายกษมาฯ มีการเปิดสอนเเละเก็บเงินค่าสอนผ่านกลุ่มลับที่มีสมาชิกกว่า 400 ราย อีกทั้ง นายกษมาฯ ยังรับตัดต่อภาพเองด้วยเครื่องมือข้างต้นอีกด้วย
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายค้นจากศาลจังหวัดสงขลา ที่ ค.40/2567 ลงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 เข้าตรวจค้นบ้านพักของนายกษมาฯ พบนายกษมาฯ แสดงตนเป็นผู้อาศัยสถานที่ดังกล่าว และผลการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดสิ่งของไว้เพื่อตรวจสอบพยานหลักฐานเบื้องต้น จากการสอบปากคำนายกษมาฯ ให้การว่า ตนเองจบการศึกษาด้านสารสนเทศ มีความสามารถในการใช้เครื่องมือ AI จึงรับสอนและรับตัดต่อรูปภาพของผู้เสียหายและดาราหลายราย โดยตนจะใช้เครื่องมือแบบ Image Generative AI ซึ่งตนเองได้มีการทำ Pre-Trained Model และปรับแต่งพารามิเตอร์จนภาพที่ได้มีคุณภาพดี และแนบเนียน
ทั้งนี้ การกระทำของ นายกษมาฯ ซึ่งได้เปิดสอนการใช้เครื่องมือในลักษณะดังกล่าว เป็นต้นเหตุที่ทำให้มีการกระทำความผิดในลักษณะตัดต่อภาพลามกอนาจารมีความแนบเนียนสูงขึ้นและยังทำให้เกิดการแพร่หลายของพฤติกรรมลักษณะข้างต้น การกระทำดังกล่าวจึงถือเป็น “การกระทำเพื่อความประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้า เพื่อการแจกจ่ายหรือเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชน ทำ ผลิต มีไว้ นำเข้าหรือยังให้นำเข้าในราชอาณาจักร ส่งออกหรือยังให้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พาไปหรือยังให้พาไปหรือทำให้แพร่หลายโดยประการใดๆ ซึ่งเอกสาร ภาพเขียน ภาพพิมพ์ ภาพระบายสี สิ่งพิมพ์ รูปภาพ ภาพโฆษณา เครื่องหมาย รูปถ่าย ภาพยนตร์ แถบบันทึกเสียง แถบบันทึกภาพหรือสิ่งอื่นใดอันลามก และ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287 และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (4)
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.ท.อิสรพงศ์ ทิพย์อาภากุล รอง ผกก.3 บก.ปอท. โทรศัพท์ 099-1652228