ตามนโยบาย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ให้ความสำคัญกับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทุกรูปแบบกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3, พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3 เร่งรัดปราบปรามจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว เพื่อลดความเดือดร้อนให้กับประชาชนจากการสูญเสียทรัพย์สินและตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
สืบเนื่องจากคดีนี้ บุตรสาวของผู้เสียหายซึ่งเป็นข้าราชการบำนาญได้มีการโพสต์เตือนภัยผ่านสื่อโซเชียล และได้มีการนำเสนอข่าวผ่านสื่อโทรทัศน์ ว่าบิดาซึ่งเป็นข้าราชการบำนาญได้เล่นโทรศัพท์และสนทนากับเพื่อนผ่านสื่อโซเชียลแล้วเผลอไปดาวน์โหลดแอปพลิเคชันควบคุมโทรศัพท์ จนทำให้โทรศัพท์ไม่สามารถใช้งานได้ ต่อมาภายหลังโทรศัพท์กลับมาใช้งานได้ปกติ จึงได้ตรวจสอบโทรศัพท์เครื่องดังกล่าว ปรากฏว่ามีข้อความส่งมาจากไลน์ของธนาคารแจ้งว่ามียอดเงินโอนออกจากบัญชีธนาคารของผู้เสียหาย จำนวน 603,500 บาท ในระยะเวลาเพียงแค่ 6 นาที จึงได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มผู้กระทำความผิด
พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 ผบช.สอท. สั่งการให้ พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3 และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ดำเนินการสืบสวนสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขออนุมัติหมายจับ และเร่งรัดจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดี
ต่อมาวันที่ 5 มีนาคม 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 นำโดย พ.ต.ต.สมพร บุตรวงศ์ สว.ฯ ได้สืบสวนทราบว่า นายอภิชัย อายุ 29 ปี อาศัยอยู่ที่บ้านพักหลังหนึ่ง ที่ถนนศรีนครินทร์ แขวงพัฒนาการ เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร จึงได้วางแผนกันร่วมจับกุม ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมพบนายอภิชัยฯ ยืนอยู่บริเวณหน้าทางเข้าศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุมในความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป” นำส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.สอท.3 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
