เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 21 มี.ค.67 ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ อดีต สห.ทอ.และทนายเจส ณัฐปกรณ์ สุดชา พา น.ส.ฟ้า อายุ 33 ปี สาวไทยพร้อมนายไมค์ อายุ 44 ปี สามีสัญชาติอังกฤษ ผู้จัดการสนามกอล์ฟ แห่งหนึ่งในพัทยา ชลบุรี พาลูกๆ 4 คน เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ธีรพล หงษ์ศรี รอง สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ปคบ.แจ้งความเอาผิดบริษัทรับเหมาก่อสร้าง สายมู ที่รับงานก่อสร้างบ้าน 7 หลัง บนพื้นที่ 1 ไร่ 3 งาน ที่ บางละมุง ชลบุรี แต่ใช้สุดุอุปกรณ์ไม่ได้คุณภาพรวมทั้งผิดแบบผิดสเป็กต่างไปจากแบบที่ตกลงและยื่นขอก่อสร้าง จนเกิดปัญหาเสาเอียดคานทรุด จ้างวิศวกรมาตรวจพบใช้วัสดุไม่ตรงสเป็ก ต้องรื้อแก้ใหม่หมด ช่างรับเหมาแอบเอารถแม็คโครเขารื้อผนังจนพัง
น.ส.ฟ้า เปิดเผยว่า ตนกับสามีได้ว่าจ้างบริษัทรับเหมาก่อสร้าง แห่งหนึ่งมาสร้างบ้านให้จำนวน 7 หลัง ในพื้นที่ 1 ไร่ 3 งาน ที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เพื่ออยู่อาศัยเอง และให้พ่อแม่ตนอยู่คนละหลัง ร่วมทั้งรับแม่สามีที่เกษียณแล้วมาอยู่ด้วยอีก 1 หลัง ได้เซ็นสัญญาว่าจ้างเมื่อ 19 ม.ค.65 ในราคารวมทั้งสิ้น 12,250,000 บาท
ทำสัญญากู้ธนาคารมา 13 ล้านบาท ก่อนทยอยจ่ายให้ผู้รับเหมาเป็นงวดๆ จ่ายไป 4 งวด รวม 7,500,000 บาท
พอเดือน พ.ค.66 เริ่มตอกเสาเข็ม ลงมือก่อสร้าง จนปลายปี 66 เจอปัญหาแรกคือการวางผัง ต่อมาก็พบว่าคานและเสาเอียงหมดทุกหลัง
ตนจึงได้ว่าจ้าง ช่างจิม ซึ่งเป็นวิศวกรให้เข้ามาตรวจสอบปัญหาที่เกิดขึ้นว่ามาจากอะไร ก่อนจะแจ้งให้ทางบริษัทผู้รับเหมามาทำการแก้ไขในเรื่องของเสาเอียงคานเอียงผนังเอียง รื้อบันไดซึ่งเมื่อทำการรื้อบันไดเพื่อตรวจสอบพบว่ามีการใช้เหล็กเส้นไม่ครบตามแบบที่กำหนด
ด้านช่างจิม เปิดเผยว่าตนไม่ได้คุมงานตั้งแต่แรก ผู้เสียหายได้ติดต่อตนมาดูงานก่อสร้าง ก่อนจ่ายงวดที่ห้า พบเห็นปัญหาต่างๆไม่ว่าจะเป็นเสาเอียง ผนังเอียง พบเห็นสิ่งไม่ถูกต้อง เช่น เสาเอียงเกินกว่าที่จะรับได้ก่อนจะทำรายงานให้ทางผู้เสียหายแจ้งบริษัทรับเหมาทำการแก้ไขแต่เมื่อแก้ไขแล้วก็ยังเกิดปัญหาในเรื่องของโครงสร้างเมื่อไปตรวจเสา ที่มีการรื้อทุบออกก็พบว่าเหล็กที่ใช้ในการทำเสาลดขนาดจาก 20 มิลลิเมตร เหลือ 16 มิลลิเมตร เหล็กเส้น 10 เส้น เหลือแค่ 8 เส้น เหล็กบันได 16 มิลฯ สองชั้น ลดเหลือ 12 มิลฯ ชั้นเดียว เป็นการทำงานไม่ตรงแบบ จึงแจ้งให้ผู้เสียหายทราบว่าถ้าช่างรับเหมาจะเปลี่ยนแบบเปลี่ยนสเปคก็ต้องแจ้งทางเจ้าของบ้านให้รับทราบด้วยแต่นี่เป็นการลดสเปคเองโดยพลการ ทำให้เกิดปัญหาบ้านร้าวและทรุดตัว ได้ซึ่งตอนนี้ยัง ไม่ได้ทราบชั้นบน ยังรับน้ำหนักไม่เต็มที่จึงยังไม่เห็น ปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมาภายหลัง
การใช้คอนกรีตก็ผิดจากที่กำหนด คานบางตัวถูกสกัดออก เมื่อพบว่าผนังมีการเอียงก็ได้สั่งการให้รื้อคณะที่ผู้เสียหายอยู่ก็จะใช้คนทุบรื้อออกมาแต่หลังจากนั้นเมื่อผู้เสียหายไม่อยู่ก็จะใช้รถแม็คโครเข้ามาทำการรื้อทุบ ผนังทำทันที ตรวจสอบพบเห็นจากภาพวงจรปิด
ด้านทนายเจส ณัฐปกรณ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่า บริษัทรับเหมาก่อสร้างสายมูแห่งนี้ ดำเนินการก่อสร้างตามสัญญาว่าจ้างบ้าน 7 หลัง หลังใหญ่ 2 ชั้น 1 หลัง หลังเล็ก 1 ชั้น 6 หลัง ที่ผู้เสียหายประสงค์จะให้ญาติๆ ทั้งสองฝั่งมาอยู่อาศัยรวมกัน ได้มีการจ่ายเงินไปเกินครึ่งหนึ่งของโครงการแล้ว ก่อนที่ผู้เสียหายจะพบเห็นความผิดปกติของโครงการไม่ว่าจะเป็นเสาเอียงไม่เป็นไปตามแบบมาตรฐานก่อนที่จะจ้างวิศวกรเข้ามาตรวจสอบเค้าไม่พบปัญหาหลายอย่างอาจจะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างในระยะยาว สเปคปูนลดสเปคเหล็กการใส่เหล็กเส้นไม่ครบตามกำหนด ตามสัญญาจะต้องแล้วเสร็จภายในเดือนมิ.ย.นี้ สภาพปัจจุบันคือมีแต่เสาหลังคาซึ่งไม่น่าจะเสร็จทันตามกำหนด ช่าง ทำงานตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค.ผ่านมา ไม่ทราบเจตนาว่าจะละทิ้งงานหรือเปล่าเนื่องจากผู้เสียหายได้ติดต่อไปให้ดำเนินการรื้อและก่อสร้างใหม่ ถามผู้เสียหายจึงจะจ่ายเงินงวดต่อไป หรือให้คืนเงินทั้งหมดเพื่อที่จะไปจ้างช่างรับเหมาใหม่มาดำเนินการต่อไป เส้นทางบริษัทรับเหมาปฏิเสธทั้งหมดอ้างว่าเชื่อมั่นในโครงสร้างที่ดำเนินการก่อสร้างไว้แข็งแรง
เบื้องต้นตามกฏหมายพบว่าเป็นการก่อสร้างผิดแบบ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 มาตรา 31 ห้ามมิให้ผู้ใดจัดให้มีหรือดำเนินการก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน หรือเคลื่อนย้ายอาคารให้ผิดไปจากแผนผังบริเวณ แบบแปลน และรายการประกอบแบบแปลนที่ได้รับอนุญาต ตลอดจนวิธีการหรือเงื่อนไขที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำหนดไว้ในใบอนุญาต หรือให้ผิดไปจากที่ได้แจ้งไว้ตามมาตรา 39 ทวิ เว้นแต่…”
“มาตรา 65 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 31 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือนหรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากต้องระวางโทษตามวรรคหนึ่งแล้ว ผู้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 31 ยังต้องระวางโทษปรับอีกวันละไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนหรือจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง”
หลังเข้าพนักงานสอบสวน บก.ปคบ.ได้ตรวจสอบข้อมูลหลักฐานตามที่ผู้ร้อรวบรวมมา ก่อนจะรับแจ้งความลงประจำวันเป็นหลักฐานการแนะนำให้ผู้เสียหายเดินทางไปร้องเรียนสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภควงเล็บสอคอบเพื่อให้เรียกผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างมาเจรจาตามกฎหมายต่อไป