สืบนครบาลร่วมกับ ศอ ปส ตร. (ศูนย์อำนวยการป้องกัน และปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ) นำกำลังบุกทลายแหล่งมั่วสุมยาเสพติดและมั่วเซ็ก ของก๊วนข้าราชการเกย์ รวบตัว “เจ๊เก่ง” หัวหน้าแก๊งระดับหัวจ่าย ซึ่งเป็นข้าราชการครูระดับ รองผู้อำนวยการของโรงเรียนชื่อดังย่านปากเกร็ด พร้อมกับสมุนเอก “เกย์ท็อป” หลังเจ้าตัวลวงวงการแพทย์สายวาย (LGTBQ+) หลอกเป็นหมอตำรวจอายุรกรรมโรคหัวใจ ตระเวนสร้างสัมพันธ์ลึกซึ้งแบบชายรักชายกับเหล่า บุคลากรทางการแพทย์ หลอกล่อให้เสพยาเสพติด จนตกเป็นเหยื่อสิ้นเนื้อประดาตัว หลังจับกุม พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ขยายผลพบมีข้าราชการมั่วสุมยาเสพติดกับก๊วนเกย์นี้ “เพียบ”
เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หัวหน้าชุด ศอ.ปส.ตร. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น., พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.1 บก .สส.บช.น. , พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว รอง ผกกฯ, พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.3 บก.สส.บช.น., พ.ต.ต.วศิน อินทร์แก้ว สว.ฝอ.บก .สส.บช.น., ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น รอง สว กก.4 บก .สส.บช.น., ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพร รอง สว.ฯ, ร.ต.อ.พลวัต นาคถมยา รอง สว กก.1 บก.สส.บช.น., ร.ต.อ.หญิง ณิชญากาญจน์ เปสลาพันธ์ รอง สว ฝอ บก.สส.บช.น., ร.ต.ท.เลิศวริศ เลิศวรปรีชา รอง สว.ฯ, ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ อันชูฤทธิ์ รอง สว.ฯ, ร.ต.ท.อนันตชัย สัจจพงษ์ รอง สว.ฯ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ สืบนครบาล ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว
1.นายเศรษฐยศ หรือเจ๊เก่ง รองผู้อำนวยการโรงเรียนชื่อดังย่านปากเกร็ด อายุ 42 ปี ภูมิลำเนา ถ.รัตนาธิเบศร์ ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี
2.นายกฤตฌาน์พัฒน์ หรือท็อป อายุ 37 ปี ภูมิลำเนา แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน จ.กรุงเทพ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ 2 หมายจับ คือหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.318/2564 ลงวันที่ 20 มิ.ย. 64 ข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายและพยายามจำหน่าย” และหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.189/2564 ลงวันที่ 12 ต.ค. 64 ข้อหา “พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ครอบครองเพื่อจำหน่ายและเสพ-เมทแอมเฟตามีน)”
ประวัติถูกดำเนินคดียาเสพติดกว่า 4 คดี
1.พ.ศ.2557 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ครอบครองยาเสพติด (ยาไอซ์) เพื่อจำหน่าย” พื้นที่ สน.สุทธิสาร
2.พ.ศ.2560 ถูกดำเนินคดีข้อหา “เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1” พื้นที่ สน.สุทธิสาร
3.พ.ศ.2562 ถูกดำเนินคดีข้อหา “มียาเสพติดประเภท 1 (แอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครอง” พื้นที่ สน.บางโพงพาง
4.พ.ศ. 2564 ถูกดำเนินคดีข้อหา “มียาเสพติดประเภท 1 (แอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย” พื้นที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ
โดยทั้งสองถูกแจ้งข้อหาว่า “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาไอซ์) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายอันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาไอซ์) โดยผิดกฎหมาย”
ตรวจยึดของกลาง จำนวน 10 รายการ
1.ยาเสพไอซ์ ประมาณ 100 กรัม (ลักษณะใส่ถุงเตรียมแบ่งขาย)
2.คีตามีน จำนวน 2 ถุง
3.เงินสด 31,500 บาท
4.สมุดบัญชีธนาคาร 5 เล่ม (พบเงินหมุนเวียน 1.3 ล้านบาทใน 3 เดือนที่ผ่านมา)
5.ถุงยางอนามัย จำนวน 200 ชิ้น
6.เจลหล่อลื่นบรรจุซอง จำนวน 100 ซอง
7.ไวอากร้า จำนวน 50 ซอง
8.เข็มฉีกยาพร้อมสายยังรัด จำนวน 100 เข็ม
9.Eternal drive จำนวน 6 อัน (บรรจุหนังลามกประเภทชายรักชายรวม 6 TB)
10.อุปกรณ์การเสพยาเสพติดและเครื่องชั่งอีกหลายรายการ
จับกุมตัวได้ที่ คอนโดมิเนียม ย่านรัตนาธิเบศร์ ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี
พฤติการณ์กล่าวคือ สืบนครบาลร่วมกับ ศอ ปส ตร บุกทลาย รังที่มั่วสุมยาเสพติดและมั่วเซ็กของเหล่าข้าราชการ “ชายรักชาย” ย่านนนทบุรี โดยจับกุมหัวหน้าแก๊งเป็นถึงข้าราชการระดับ รอง ผอ.รร.ดังย่านปากเกร็ด โดยจุดเริ่มต้นมาจาก “เกย์ท็อป” ผู้เขย่าวงการแพทย์สายวาย (LGTBQ+) หลังเจ้าตัวแอบอ้างว่าตนเป็นแพทย์อายุรกรรมโรคหัวใจโรงพยาบาลดัง ก่อนจะสร้างสัมพันธ์ลึกซึ้งแบบชายรักชายกับเหล่า บุคลากรทางการแพทย์ หนุ่มแล้วหลอกล่อให้เสพยาเสพติด โดยรายล่าสุดถูกลวงให้เสพยาเสพติด “โดยอ้างว่าเป็นยาบำรุง” กระทั่งเหยื่อติดสารเสพติดงอมแงม ตกเป็นธาตุกามแบบถอนตัวไม่ขึ้น ถูกหลอกให้ถ่ายคลิปลับ ถูกหลอกถลุงเงินไปหลายล้านบาทเพื่อแลกกับการได้เสพยา จนเหยื่อแทบสิ้นเนื้อประดาตัว ซึ่งจากการสืบสวนติดตามทราบว่าเกย์แสบรายนี้คือ นายกฤตฌาน์พัฒน์ หรือท็อป ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับ 2 หมายในคดีค้ายาเสพติด เป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์ที่ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ส่งเจ้าหน้าที่อำพลางแฝงตัวเข้าวงการเก้งกวางจนพบได้เบาะแสว่า เกย์แสบรายนี้เป็นสมุนของเอเย่นตัวเป้งย่านปากเกร็ด และเอเย่นรายนี้ยังมีดีกรีเป็นถึงข้าราชการ โดยมันมักรวมพลเหล่าข้าฯราชการเกย์ในก๊วน มามั่วสุมปาตี้ยาเสพติดกันอยู่ในคอนโดแห่งหนึ่งบน ถ.รัตนาธิเบศร์ ต่อมาวันที่ 26 มี.ค. 67 พล.ต.ต.ธีรเดชฯ จึงนำกำลังชุดสืบนครบาลบุกไปที่ห้องพักที่ใช้มั่วสุมดังกล่าว โดยเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเคาะประตูภายในห้องพักไหวตัวทำลายพยานหลักฐานไปบางส่วน แล้วเมื่อเจ้าหน้าที่บุกเข้าไปได้ก็พบ นายกฤตฌาน์พัฒน์ หรือเกย์ท็อป อยู่ภายในห้องกับหัวหน้าก๊วนคือ นายเศรษฐยศ หรือเจ๊เก่ง ซึ่งเป็นข้าฯราชการครูระดับ รอง ผอ. ของโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งย่านปากเกร็ด โดยแรกเริ่มเจ้าตัวมีท่าทีบ่ายเบี่ยงกับเจ้าหน้าที่ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่เมื่อทำการตรวจค้นห้องพักก็พบยาเสพติดหลายรายการในลักษณะเตรียมแบ่งขายหลายรายการ พบสมุดบันทึกการซื้อขายยาเสพติดจำนวนมาก และยังพบยากระตุ้นอารมณ์ ถุงยาง เจลหล่อลื่น และหนังโป๊ชายรักชายจำนวนมาก โดยเจ๊เก่งอ้างว่าอุปกรณ์ต่างๆนั้นไว้ใช้สอนหนังสือในโรงเรียน แต่จากการขยายผลของชุดจับกุมพบว่าเจ๊เก่งเป็นถึงระดับหัวจ่ายที่คอยส่งยาเสพติดให้กับข้าราชการอีกหลายคน โดยพบเงินหมุนเวียนในห้วงเดือนที่ผ่านมาเป็นจำนวนกว่า 1,300,000 บาท ซึ่งจากการตรวจสอบสารเสพติดในร่างกายของทั้งสองพบว่ามีสารเสพติดในร่างกาย ซึ่งท้ายสุดทั้งสองก็ยอมจำนนและรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมในที่สุด
ในชั้นจับกุม นายเศรษฐยศฯ หรือเจ๊เก่ง ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ปัจจุบันตน ประกอบอาชีพรับราชการครูตำแหน่งรองผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งย่านปากเกร็ด สอนวิชาการงานอาชีพให้แก่เด็กชั้นประถมศึกษา โดยตนเริ่มเสพยาตั้งแต่กลางปี พ.ศ. 2566 และเริ่มสั่งยาเสพติดมาจากทวิตเตอร์มาขายในช่วงต้นปี พ.ศ. 2567 ซึ่งนำมาขายให้เพื่อน , วัยรุ่น และข้าราชการ ย่านรัตนาธิเบศ จนถึงปัจจุบันตนยังคงรับราชการครูอยู่และยังขายยาเสพติดไปด้วย และได้รู้จักกับเกย์ท็อป เมื่อประมาณเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2566 โดยนายท๊อปได้ไปไปมามาที่ห้องของตนอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งตนได้นำยามาขายให้กับนายท็อป และให้นำไปขายเรื่อยมา”
ในชั้นจับกุม นายกฤตฌาน์พัฒน์ฯ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนเกิดที่กรุงเทพฯและโตที่กรุงเทพฯ เข้าเรียนชั้นอุดมศึกษาที่มหาวิทยาลัยชื่อดังย่านรังสิต คณะวิศวกรรมศาสตร์ เมื่อจบการศึกษาได้ออกมาประกอบอาชีพออแกไนซ์จัดงานเป็นระยะเวลา 1 ปี จึงได้เรียนต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยชื่อดังย่านปทุมวันจนจบปริญญาโท ได้ประกอบอาชีพอยู่ที่บริษัทประกัน จากนั้นตนเริ่มใช้ยาเสพติด เกี่ยวข้องกับยาเสพติดต่อเนื่องมาจนชีวิตเริ่มดำดิ่ง กระทั่งถูกดำเนินคดีขณะเสพยาอยู่กับกลุ่มเพื่อนในปี พ.ศ. 2557 ติดคุกอยู่ 1 ปี 3 เดือน หลังจากออกมาจากเรือนจำในปี พ.ศ.2558 ตนพยายามหางานเพราะไม่ต้องการเป็นภาระของทางบ้านแต่ไม่สามารถหางานได้เนื่องจากตนเคยติดคุกมา เมื่อไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับ ตนจึงได้หวนกลับมาในเส้นทางเดิมโดยการเริ่มขายยาเสพติด จนเริ่มคบหาดูใจกับแฟนหนุ่มซึ่งประกอบอาชีพแพทย์มา 2 คน และได้เลิกรากันโดยยืนยันว่าตนเองไม่ได้ไปหลอกลวงเหล่าแพทย์ชาย แต่เพราะพวกหมอเหล่านั้นติดยาเสพติดที่ตนเอาไปให้เอง และต่อมาได้มารู้จักกับครูเก่ง และตนก็มารับยาจากครูเก่งไปขายเป็นประจำ โดยขายให้กับกลุ่มเพื่อน จนในที่สุดตนได้ถูกออกหมายจับ และถูกจับกุมตัวส่งศาลแต่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว ตนจึงได้หลบหนีในขณะที่ศาลให้ประกันตัวเป็นระยะเวลา 2 ปี จนมาถูกจับในวันนี้”
หลังจับกุมตัว ได้นำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “กลุ่มผู้ต้องหาเป็นคนที่มีตำแหน่งหน้าที่ทางสังคม มีความรู้ และยังมีการสร้างเครือข่ายโดยการใช้ความเชื่อมโยงทางจิตใจเพราะเป็นกลุ่มที่มีรสนิยมเดียวกัน และส่วนใหญ่ล้วนเป็นข้าราชการเจ้าหน้าที่ และที่น่ากลัวที่สุดคือระดับหัวหน้าขบวนการเป็นครูที่ต้องเป็นแม่พิมพ์ให้กับเหล่าอนาคตของชาติ และยังมีตำแหน่งระดับสูงในโรงเรียน ถือเป็นภัยต่อเยาวชนที่ยังศึกษาอยู่ในโรงเรียนอย่างยิ่ง เราจะขยายผลให้ถึงที่สุด จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน หากผู้ใดมีเบาะแส โปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ “สืบนครบาล IDMB” เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมตลอด 24 ชั่วโมง