ผู้รับเหมาตัดทุเรียนส่งล้ง วางเงินมัดจำ 2 ล้านบาท แต่เมื่อถึงเวลาจะเข้าไปตัดทุเรียน กลับถูกเล่นแง่ สวนที่นำชี้เป็นของลูก ขณะที่ลูกอ้างไม่รู้เรื่องกับสัญญาที่พ่อทำ ด้านผู้รับเหมาสุดทนจ้างทนายฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย 6 ล้านบาท
วันที่ (15เม.ย.67) ที่สภ.ตกพรม อ.ขลุง จ.จันทบุรี น.ส.หัตศกร อัครนพทรัพย์ ผู้รับเหมาตัดทุเรียนส่งล้ง ผู้เสียหายในกรณี ถูกหลอกลวงให้วางเงินมัดจำ จำนวน 2 ล้านบาท เพื่อซื้อทุเรียนกับเกษตรกรรายหนึ่งในพื้นที่ หมู่ 6 ต.บ่อเวฬุ อ.ขลุง จ.จันทบุรี แต่เมื่อถึงเวลาจะเข้าไปตัดทุเรียนปรากฎว่า สวนที่เกษตรกรรายดังกล่าวนำชี้ไม่ใช่สวนของตนเอง แต่เป็นของลูกสาว และเมื่อจะขอรับเงินมัดจำคืน กลับถูกเบี่ยงเบน โดยเรื่องดังกล่าวได้แจ้งความดำเนินคดีกับเกษตรกรรายดังกล่าว กับ ร.ต.อ. คงสกูล เกษมสิทธิ์ รอง สว. (สอบสวน) สภ.ตกพรม และวันนี้ ตำรวจได้ออกหมายเรียกให้เกษตรกรรายดังกล่าวมาพบพนักงานสอบสวน แต่ปรากฏว่าเกษตรกรรายนี้ไม่ได้เดินทางมาตามที่ได้นัดหมาย
น.ส.หัตศกร อัครนพทรัพย์ กล่าวว่า ตนเองได้เข้าไปดูสวน และทำสัญญาทั้งแต่ดอกทุเรียนบาน กับ นายสายันห์ คู่กรณี โดยอ้างว่า สวนทุเรียนจำนวนหลายร้อยไร่ ในพื้นที่ หมู่ 6 ต.บ่อเวฬุ อ.ขลุง เป็นของตนเอง และได้พาเข้าไปชี้สวนทุเรียนที่นายสายันห์อ้างว่าเป็นเจ้าของ จากนั้นจึงได้มีการตกลงทำสัญญา และวางเงินมัดจำ รวมทั้งสิ้น 2 ล้านบาท แต่พอถึงเวลาจะเข้าไปตัดทุเรียน ปรากฏว่า นายสายันห์ มีสวนทุเรียนไม่กี่ไร่ ส่วนที่เหลือเป็นของลูก ขณะที่ลูกของนายสายันห์ อ้างว่าไม่รู้ไม่เห็นกับทำสัญญาดังกล่าว และไม่อนุญาตให้เข้าไปตัดทุเรียนในสวนที่นายสายันห์ ผู้เป็นพ่อเคยนำไปชี้
ทั้งนี้พฤติกรรมดังกล่าวเข้าข่ายการหลอกลวง เบื้องต้นได้แจ้งความดำเนินคดีกับนายสายันห์ แล้ว ที่ผ่านมาคู่กรณีให้ทนายความโทรมาเจรจากับตนเองอย่างเดียว โดยเจ้าตัวคู่กรณีไม่เคยมาพูดคุยกับแม้แต่ครั้งเดียว
น.ส.หัตศกร อัครนพทรัพย์ กล่าวอีกว่า เงินจำนวนดังกล่าว เป็นเงินทุนของตนเองที่จะต้องมาใช้สำหรับการลงทุนซื้อขายทุเรียนในฤดูกาลจันทบุรี เมื่อไม่มีเงินจำนวนนี้ ก็ไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ลูกน้องที่ล้งอีก 40-50 คน ก็ได้รับผลกระทบตามไปด้วย ดังนั้นตนเองจึงได้จ้างทนายเพื่อฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายคู่กรณี เนื่องจากทำผิดสัญญา เป็นเงิน 3 เท่าของเงินมัดจำ หรือ 6 ล้านบาท
“ขอให้กรณีนี้เป็นกรณีตัวอย่าง เพราะถึงแม้เราจะตรวจสอบว่ามีเอกสารหลักฐานถูกต้องแค่ไหน แต่เมื่อถึงเวลาจะเข้าไปตัดทุเรียนจริง ปรากฏว่ากลับเจอพฤติกรรมแบบนี้ จึงอยากฝากไปยังสายตัด และล้ง ขอให้เพิ่มความระวังระมัดในการซื้อขายทุเรียน เพราะคนอายุมากไม่ได้หมายความว่าจะซื่อสัตย์รักษาคำพูดเสมอไป รวมทั้งอยากให้ทางตำรวจเร่งดำเนินการในเรื่องดังกล่าว เพื่อตนเองให้ได้เงินคืนมาเร็วที่สุด เพื่อใช้สำหรับการซื้อขายทุเรียนในฤดูกาลนี้” น.ส.หัตศกร อัครนพทรัพย์ กล่าวปิดท้าย